ถึงเวลา SMEs หาทางรอด เมื่อยอดหายกว่าครึ่ง ต้องทำอย่างไร

คัมภีร์เศรษฐี 4.0

เมื่อเหล่าผู้ประกอบการ SME ต่างออกมาประสานเสียงกันว่า เมื่อยอดขายหายไปกว่าครึ่ง อีกทั้งเศรษฐกิจซบเซา ผู้คนไม่กล้าใช้จ่าย เผยกลยุทธ์ในปีหน้านี้ต้องขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เพื่อแสวงหาลูกค้ากลุ่มใหม่ และเพื่อนำเสนอผลิตใหม่เพิ่มยอดขายในปี 2563  ท่ามกลางปัจจัยที่เสี่ยงที่มากมาย จนส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ดังนี้ในวันนี้เราจึงนำ 3 ทางรอดสำหรับธุรกิจ SME มาฝาก ให้คุณได้ทำการศึกษากัน ดังนี้เลยครับ

 

เปิดตลาดต่างประเทศ มุ่งเน้นออนไลน์อย่างจริงจัง

เมื่อยอดขายปีที่ผ่านมานี้หายไปกว่าครึ่ง โดยมีปัจจัยมาจากการซื้อที่หดตัวลง จากความไม่มั่นใจในสภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายในต่างประเทศ จะเห็นได้จากความแตกต่างอย่างชัดเจน ทั้งนี้รวมถึงการทำตลาดทางด้านออนไลน์อีกด้วย จากเดิมนักลงทุนอาจไม่ได้เข้าไปสนใจในตลาดออนไลน์มากนั้น แต่เมื่อมาถึงยุคนี้แล้วนั้น การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ผ่านทางด้านออนไลน์ โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดี ผู้บริโภคจำเป็นต้องใช้งาน และต้องเป็นแบรนด์ที่ยังไม่มีผู้ประกอบการรายไหนนำมาจำหน่าย

 

ขยายฐานลูกค้าใหม่ ไปสู่ลูกค้าที่มีธุรกิจมั่นคง

สำหรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขายในปีนี้ ควรมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าใหม่ ไปสู่ลูกค้าที่ทำธุรกิจ เช่น ลูกค้ากลุ่มโรงแรม เนื่องจากว่า เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีธุรกิจที่มั่นคง เพราะเปิดกิจการในรูปแบบบริษัท รวมไปถึงมีแนวทางในการทำตลาดที่ชัดเจน และที่สำคัญคือ สามารถเก็บเงินได้ง่าย แม้ว่าจะเป็นการซื้อในรูปแบบเครดิตก็ตาม โดยจะมีความแตกต่างไปจากลูกค้ากลุ่มบุคคล โดยในระยะหลังนี้ อาจมีการเลื่อนวันชำระเงิน หรือในบางรายอาจถึงขั้นปิดกิจการไปก็มีด้วยเช่นกัน และในปีหน้านี้ ต้องหาลูกค้าใหม่เพิ่มเติม เพราะลูกค้าเก่าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ซบเซา และที่สำคัญ หากเรายังไม่ขยายฐานลูกค้าใหม่ เราเองจะไม่แน่ใจเลยว่า จะมียอดคำสั่งซื้อเข้ามาตอนไหน

 

สร้างผลิตภัณฑ์ ตามกระแสนิยมผู้บริโภค

ในปี 2563 นี้นั้น ควรที่จะต้องใช้กลยุทธืตามกระแสความนิยมของผู้บริโภคเป็นหลัก ว่าในเวลานี้ผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์ประเภทใด และผลิตภัณฑ์ใดที่ผลิตออกมาจำหน่ายแล้วนั้น สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากที่สุด เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค อีกทั้งยังได้ขยายตลาดให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้นกลยุทธ์การทุ่มเงินเพื่อประชาสัมพันธ์กับผลิตเดิม ๆ คงไม่ใช่แนวทางที่สามารถแก้ปัญหาได้ถูกต้องอีกต่อไปแล้ว เพราะสิ่งที่จะได้กลับมา มันไม่คุ้มค่ากับการลงทุนเป็นอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม แม้ผลิตภัณฑ์ที่เราสร้างขึ้นตามกระแสผู้บริโภคไว้แล้วนั้น ยังคงต้องรักษาอัตลักษณ์ในความเป็นเราไว้อยู่ด้วย