เมื่อวันที่ 24 ก.ย.63 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายมานูเอล มอนตานา ประธานกลุ่มมิชลิน ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกและโอเชียเนีย และนางทิพวรรณ นิธิเจษฎาวงศ์ ผู้อำนวยการมิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัวงานประกาศรางวัลมิชลิน ไกด์ ประจำปี 2564
โดยนายมานูเอล เปิดเผยว่า สำหรับมิชลิน ไกด์ เราได้ตีพิมพ์ในประเทศมาถึงปีที่ 3 แล้ว ซึ่งในฉบับประจำปี 2564 นั้น จะมีกำหนดเปิดตัวในช่วงปลายปี 2563 นี้ โดยมีความพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพราะในปีนี้จะมีการมอบรางวัลใหม่เพิ่มเติม 3 รางวัลด้วยกันคือ
–Michelin Service Awards สนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อมอบให้กับบุคลากรที่มุ่งมั่น
–Michelin Young Guide Award เฟ้นหาเชฟรุ่นใหม่ที่มีอายุไม่เดิน 36 ปี มีทักษะและความโดดเด่นจากร้านที่แนะนำโดยมิชลิน ไกด์ เป็นกำลังใจให้กับคนรุ่นใหม่ก็ประสบความสำเร็จได้
–The Michelin Green Star เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของดาวมิชลิน โดยเพิ่มก้านเข้ามาเพื่อเน้นย้ำถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นรางวัลที่ส่งเสริม ยกย่องร้านที่มีพันธมิตรส่งเสริมสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัตถุดิบ การจัดการขยะ การเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ และที่สำคัญรางวัลนี้ไม่จำเป็นจะต้องมีเพียงรางวัลเดียวหรือร้านเดียวที่ได้รับอีกด้วย
“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นำรางวัลดังกล่าวมามอบให้กับประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทย ซึ่งมิชลิน ไกด์ ไม่ได้เป็นเพียงเวทีที่แนะนำร้านอาหารเท่านั้น แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เราก็ได้รับข้อมูลจากร้านต่างๆ และเชื่อมั่นว่าด้วยรสชาติและคุณภาพของทางร้าน จะทำให้ลูกค้าเดินทางกลับมาอย่างแน่นอน”
ด้าน นายยุทธศักดิ์ เผยว่า ที่ผ่านมา มิชลิน ไกด์ ได้นำเสนอถึงวัฒนธรรมของไทยไปยังต่างชาติ ทั้งยังเพิ่มประสบการณ์ด้านอาหารตั้งแต่ระดับภัตตาคารไปจนถึงสตรีทฟู้ด ซึ่งในสถานกาณณ์ปัจจุบันเช่นนี้ เราต้องมีการดำเนินนโยบายท่องเที่ยวแบบ New Normal ต้องมีการเข้มข้นในการตรวจพื้นที่ตามมาตรการความปลอดภัยจากโควิด-19 เช่นเดิม แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมในส่วนของพื้นที่ที่จะรองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
“เชื่อว่ารางวัลมิชลิน ไกด์ ในครั้งนี้ จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจ ต่อยอดให้กับเชฟหลายๆคน พนักงานรวมไปถึงผู้ประกอบการด้านอาหาร พัฒนาทักษะของตัวเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากข้อมูลเมื่อปี 2561 ประเทศไทยมีรายรับจากการท่องเที่ยวกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งทาง ททท. เชื่อว่ารางวัลทั้ง 3 ที่จะเปิดตัวนั้น จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวอยากจะเดินทางกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทยซ้ำอีกครั้ง โดยเฉพาะในแง่ของการรับรู้เรื่องการท่องเที่ยวด้านอาหาร ปัจจุบันเราเทียบเท่ากับสิงคโปร์ซึ่งเป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นอันดับ 1 โดยเฉพาะด้านการใช้จ่ายที่ด้านอาหาร เป็นรองจากท่องเที่ยวและที่พัก ซึ่งเราอยากได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีการใช้จ่ายด้านอาหารได้สูง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเป็นเช่นนี้ ก็มองว่าอาหารเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตขึ้นเช่นกัน”