สำหรับคนรักบ้านจะรู้ว่า พื้นไม้ลามิเนตเป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และที่สำคัญคือมีความต้องการสูงขึ้นในทุกๆปี เพราะมีรูปลักษณ์ที่เหมือนกับลวดลายไม้ธรรมชาติอย่างมาก นอกจากนี้ในเรื่องความทนทาน ไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลรักษามากนัก อีกทั้งมีราคาที่ไม่แพงมากนักเมื่อเทียบกับราคาไม้จริง สำหรับเจ้าของบ้านที่ต้องการปูพื้นแบบเร่งด่วนแล้วละก็ พื้นลามิเนตสามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็วมาก
ซึ่งแน่นอนพื้นลามิเนตนี้ เป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก เพราะสามารถตอบโจทย์ในเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ ไม่ต้องโค่นไม้ทำลายป่าเพื่อนำมาทำเป็นไม้ปูพื้นอีกต่อไป
ด้วยความนิยมอย่างกว้างขวางแล้วนี้เอง จึงได้มีการกำหนดมาตรฐานคุณภาพของพื้นไม้ลามิเนต นี้ขึ้นมา เรามาดูกันว่าในระดับโลกแล้วพื้นไม้ลามิเนตมีมาตรฐานอะไรบ้าง
1. มาตรฐาน E1 (European Standard Class1)
มาตรฐาน E1 เน้นในด้านความปลอดภัยและการรักษาสิ่งแวดล้อมที่สหภาพยุโรปกำหนดให้ต้องมีในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงพื้นไม้ลามิเนต โดยหลักๆ คือ วัสดุจะต้องมีค่าของสารเคมีในระดับต่ำมาก และไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตัววัสดุต้องปลอดภัยจากสารเคมีตกค้าง ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่ระคายเคืองต่อนัยตาและมีกลิ่นแสบจมูก
2. มาตรฐาน FloorScore®
มาตรฐาน FloorScore® เน้นเรื่องคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality) หรือสภาพอากาศในห้องที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุปูพื้น โดยต้องไม่มีการระเหยของสารประกอบอินทรีย์ที่ส่งผลเสียกับสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ได้รับการรับรองโดย SCS Global Services ประเทศสหรัฐอเมริกา
3. มาตรฐาน BLUE ANGLE
เป็นมาตรฐานของประเทศเยอรมนี จะออกให้สําหรับผลิตภัณฑ์และการบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคุ้มครองด้านความปลอดภัยต่อผู้อุปโภคบริโภคที่เก่าแก่มากที่สุดในโลกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 252 ทั้งนี้เกณฑ์ชี้วัดที่สําคัญของฉลากสิ่งแวดล้อม Blue Angel ได้แก่
- การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- การไม่มีการปนเปื้อนของสารเคมีอันตราย
- กระบวนการผลิตสินค้าเป็นไปตามหลักนิเวศวิทยา (Ecological properties)
ความสามารถในการนํากลับไปรีไซเคิล - การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable development) เป็นต้น
4. มาตรฐาน CELQ (Certified European Laminate Quality)
เป็นมาตรฐานรับรองคุณภาพพื้นไม้ลามิเนตแห่งทวีปยุโรป พื้นไม้ลามิเนตที่มีการแสดงสัญลักษณ์คุณภาพ CELQ จะต้องผ่านการทดสอบมาตรฐานคุณภาพสินค้าจากสถาบันที่ได้รับการรับรองโดยตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆ เช่น
- สีไม่ซีด
- ทนกับการขัดถู
- ทนต่อรอยขีดข่วน
- ลดแรงกระแทก ไม่เกิดรอยด่าง
- ทนไฟจากบุหรี่
- มุมได้ฉาก เป็นต้น
5. มาตรฐาน EPLF (European Producers of Laminate Flooring)
เป็นความร่วมมือกันของสมาชิกสมาคมในกลุ่มทวีปยุโรป เพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านเทคนิคระหว่างประเทศ รวมถึงสร้างความน่าเชื่อถือของสินค้าให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อตัวผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังเน้นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งทวีปยุโรป
6. มาตรฐาน NALFA (North American Laminate Flooring Association)
สมาคมผู้ผลิตหรือนำเข้าพื้นไม้ลามิเนตแห่งทวีปอเมริกาเหนือ ซื่งให้การรับรองว่าเป็นสินค้าพื้นไม้ลามิเนตที่มีมาตรฐานสูง เป็นที่ยอมรับให้จำหน่ายในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ โดยสมาชิกของสมาคมจะต้องรักษามาตรฐานของสินค้าให้มีคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ และจะต้องได้รับการตรวจสอบคุณภาพในด้านต่างๆ จากสถาบันตรวจสอบคุณภาพของ NALFA ก่อน
7. มาตรฐาน PEFC
เป็นมาตรฐานคุณภาพการบริการจัดการทรัพยากรป่าไม้ของผู้ผลิตพื้นไม้ลามิเนตที่ต้องมีมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี การควบคุมขนาดและปริมาณการใช้ไม้การปลูกป่าทดแทนให้ต้นไม้ได้เติบโตเท่าทันกับปริมาณที่ใช้ โดย KRONOTEX ยังได้รับการตรวจสอบจากองค์กรอิสระอีกด้วย
ได้รู้ลึกรู้จริงขนาดนี้ คงทำให้หลายๆ ท่านมีความมั่นใจให้การเลือกซื้อพื้นไม้ลามิเนตมากขึ้นอย่างแน่นอน