ฝันที่กลายเป็นจริง: สุขสวัสดิ์ พีเค.แสนชัย พร้อมระเบิดฟอร์มในศึก ONE ลุมพินี

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

เส้นทางนักมวยไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่สำหรับ “สุขสวัสดิ์ พีเค.แสนชัย” จอมบู๊อาวุธหนักวัย 24 ปีจากสุรินทร์ ทุกหยาดเหงื่อที่หลั่งรินในค่ายมวยกำลังจะได้รับการตอบแทน เมื่อความฝันที่รอคอยมาตลอดกำลังจะกลายเป็นจริง ในศึก ONE ลุมพินี 106 วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคมนี้ ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา)

จอมบู๊หนุ่มจากแดนช้างเตรียมสร้างปรากฏการณ์แจ้งเกิดในฐานะคู่เอกของรายการ โดยจะเผชิญหน้ากับ “พันฤทธิ์ ลูกเจ้าแม่สายวารี” นักชกสายบู๊วัย 28 ปีจากพัทลุง ภายใต้กติกามวยไทย รุ่น 140 ปอนด์ ในการแข่งขันที่จะถ่ายทอดสดไปยัง 195 ประเทศทั่วโลก

จากเด็กชายสู่จอมบู๊แห่งสุรินทร์

เรื่องราวของ “สุขสวัสดิ์” เริ่มต้นขึ้นที่อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเด็กชายวัย 10 ขวบเริ่มสนใจกีฬามวยไทยตามรอยพี่ชายที่เป็นนักมวยมาก่อน ไฟต์แรกของเขาเกิดขึ้นที่เวทีมวยภูธรในละแวกบ้าน ซึ่งสามารถเอาชนะด้วยการน็อกได้อย่างงดงาม

หลังจากนั้น “สุขสวัสดิ์” เดินสายเก็บประสบการณ์ในสังเวียนมวยภูธรอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งโชว์ฝีมือเข้าตาผู้ใหญ่ใจดี และได้โอกาสเข้ามาสังกัดค่ายมวยเกียรติเพชรน้อยในกรุงเทพฯ เมื่ออายุ 15 ปี

“ผมจำวันที่ต้องจากบ้านเกิดมาอยู่กรุงเทพฯ ได้ดี มันเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต พ่อแม่ผมส่งมาด้วยความหวังว่าลูกชายจะได้มีอนาคตที่ดีกว่า” สุขสวัสดิ์เล่าถึงก้าวแรกในเส้นทางนักมวยอาชีพ

บททดสอบและความสำเร็จแรก

การเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย “สุขสวัสดิ์” ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากการแข่งขันกับนักมวยดาวรุ่งมากหน้าหลายตา แต่เขาไม่เคยย่อท้อ มุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนักและพัฒนาฝีมือขึ้นมาเรื่อย ๆ

จนกระทั่งอายุ 19 ปี โอกาสครั้งสำคัญมาถึงเมื่อได้ย้ายมาสังกัดค่ายมวยชื่อดังอย่าง “แสงมรกต” ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต ทำให้ “สุขสวัสดิ์” มีโอกาสแสดงศักยภาพบนเวทีใหญ่มากขึ้น

“ผมบอกตัวเองเสมอว่า โอกาสมีครั้งเดียว ต้องคว้าไว้ให้ได้” นักมวยหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

ความพยายามของเขาเริ่มออกดอกออกผลในเดือนตุลาคม 2566 เมื่อสามารถคว้าแชมป์มวยรอบอีซูซุคัพ ครั้งที่ 32 มาครองได้สำเร็จ นับเป็นความสำเร็จครั้งแรกในชีวิตนักมวยไทยอาชีพของจอมบู๊หนุ่มจากสุรินทร์

ความสำเร็จสู่การเป็นที่จับตามอง

ความสำเร็จเป็นเหมือนบันไดอีกขั้นสู่โอกาสครั้งใหม่ เมื่อ “สุขสวัสดิ์” ได้รับเชิญให้เข้าร่วมแข่งขันในศึกไทยไฟต์ชิงถ้วยพระราชทาน ในช่วงปลายปี 2566 ซึ่งเป็นรายการที่รวมเหล่านักมวยฝีมือดีจากทั่วประเทศ

ด้วยความมุ่งมั่นและฝีมืออันเฉียบคม “สุขสวัสดิ์” สามารถฝ่าด่านนักชกระดับพระกาฬมาได้ทุกรอบ จนคว้าถ้วยพระราชทานในรุ่น 67 กิโลกรัมมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ สร้างชื่อเสียงโด่งดังจนเป็นที่จับตามองจากแฟนมวยทั่วประเทศ ในฐานะจอมบู๊ดาวรุ่งที่มีอนาคตไกล ด้วยวัยเพียง 22 ปี

วิกฤตใหญ่ในชีวิตนักมวย

อย่างไรก็ตาม ชีวิตย่อมมีขึ้นมีลง ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา “สุขสวัสดิ์” กลับเผชิญปัญหาครั้งใหญ่ในชีวิต หลังกลายเป็นมวยตกล็อกที่ไม่ถูกโปรโมเตอร์จัดให้ขึ้นชกแม้แต่ไฟต์เดียว

“ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมท้อแท้ที่สุดในชีวิต เหมือนถูกลืม รู้สึกว่าซ้อมไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย” สุขสวัสดิ์เล่าถึงช่วงเวลายากลำบากในชีวิต “บางวันผมคิดอยากเลิกชกมวยแล้วกลับบ้านไปทำงานอย่างอื่น แต่ใจหนึ่งก็ยังรักในกีฬามวยไทย”

แสงสว่างปลายอุโมงค์

เมื่อความพยายามไม่เคยทรยศต่อผู้ที่ไม่ยอมแพ้ ในช่วงต้นปี 2568 “สุขสวัสดิ์” เห็นแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง เมื่อได้รับโอกาสให้ย้ายมาซบค่ายมวยใหญ่อย่าง “พีเค.แสนชัย” ค่ายมวยชื่อดังที่มีนักมวยชั้นนำระดับประเทศหลายคน

“วันที่ได้มาอยู่ค่ายพีเค.แสนชัย ผมรู้สึกว่าชีวิตมีความหวังอีกครั้ง การได้ซ้อมร่วมกับนักมวยดัง ๆ หลายคน ทำให้ผมกลับมามีไฟอีกครั้ง” สุขสวัสดิ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่เคยเปลี่ยน “สุขสวัสดิ์” เร่งฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อพัฒนาฝีมือ และพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าเขาสมควรได้รับโอกาส จนในที่สุดก็ได้รับโอกาสให้ขึ้นชกในรายการ ONE ลุมพินี ที่เขาเฝ้าติดตามมาตลอด

ความฝันที่กลายเป็นจริง

“วันที่รู้ว่าจะได้ชกในศึก ONE ลุมพินี ผมรีบโทรไปบอกพ่อแม่ที่บ้านทันทีเลย ดีใจจนพูดไม่ออกจริง ๆ เพราะตลอดหนึ่งปีที่ไม่ได้ขึ้นชก ผมเฝ้าดูรายการนี้มาตลอด ได้แต่ฝันเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งจะต้องได้โอกาสขึ้นชกบนเวทีนี้ และตอนนี้ความฝันก็เป็นจริงแล้ว” สุขสวัสดิ์เล่าด้วยความตื่นเต้น

ไม่เพียงแค่การได้ขึ้นชกในรายการ ONE ลุมพินี เท่านั้น แต่ “สุขสวัสดิ์” ยังได้รับเกียรติให้เป็นคู่เอกของรายการในไฟต์เปิดตัวอีกด้วย นับเป็นโอกาสทองที่หาได้ยากสำหรับนักมวยหน้าใหม่

พร้อมระเบิดฟอร์มในไฟต์สำคัญ

แม้คู่ชกอย่าง “พันฤทธิ์ ลูกเจ้าแม่สายวารี” จะมาพร้อมประสบการณ์บนเวทีแห่งนี้มากถึง 10 ไฟต์ แต่ “สุขสวัสดิ์” ที่เคยผ่านสังเวียนมวยคาดเชือกมาแล้วก็ไม่มีหวั่นใจ พร้อมระเบิดพลังลุยแหลกตามสไตล์ถนัด

“พันฤทธิ์ เป็นมวยบู๊ที่ออกอาวุธได้คมมาก ข้อได้เปรียบของเขาคงเป็นเรื่องประสบการณ์การชกนวมเล็กที่มีมากกว่า แต่เรื่องนี้ผมไม่ได้กังวลอะไร เพราะจากที่ผมซ้อมมา การบล็อกหมัดและการออกอาวุธในการสวมนวมเล็กจะคล้ายกับมวยคาดเชือกซึ่งผมเคยชกมาก่อน” สุขสวัสดิ์วิเคราะห์คู่ต่อสู้

“รูปเกมของไฟต์นี้เดือดแน่นอน โอกาสไม่ครบยกมีสูงมาก ใครพลาดก่อนก็ร่วงก่อน เพราะผมอยากชนะน็อก และผมก็เตรียมอาวุธมาครบทุกอย่าง โดยเฉพาะลูกศอกที่ก่อนหน้านี้ผมเคยใช้น็อกคู่ชกมาแล้วหลายคน ไฟต์นี้แฟน ๆ จะได้เห็นอีกครั้งแน่นอน” นักมวยหนุ่มกล่าวด้วยความมั่นใจ

แรงบันดาลใจและความหวัง

นอกจากความฝันในการแจ้งเกิดบนเวทีระดับโลกแล้ว “สุขสวัสดิ์” ยังมีแรงบันดาลใจสำคัญที่ผลักดันให้เขามุ่งมั่นสู้ต่อไป

“ที่ผมพยายามมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งทำเพื่อครอบครัว โดยเฉพาะพ่อที่กำลังป่วยเป็นโรคเบาหวาน ถ้าผมชนะและได้โบนัส ผมตั้งใจจะนำเงินทั้งหมดไปใช้รักษาพ่อ” สุขสวัสดิ์เผยความในใจ

สัญญาที่ให้ไว้กับแฟนมวย

“ไฟต์แรกของผมใน ONE ลุมพินี ผมขอการันตีว่าไม่มีถอยแน่นอน ผมจะเดินเข้าใส่ตามสไตล์ของผม ซึ่งผลออกมาจะแพ้หรือชนะ ผมไม่รู้ แต่ที่รู้คือผมอยากชกให้สนุกที่สุด อยากแจ้งเกิดให้ได้ตั้งแต่ไฟต์เปิดตัว” สุขสวัสดิ์ทิ้งท้าย

เส้นทางกว่า 14 ปีในวงการมวยไทยของ “สุขสวัสดิ์ พีเค.แสนชัย” กำลังจะถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ บนเวทีระดับโลกที่มีผู้ชมใน 195 ประเทศทั่วโลก ฝันที่เคยรอคอยกำลังจะกลายเป็นจริง และมันอยู่ที่ปลายหมัดของเขาแล้วว่าจะฉกฉวยโอกาสนี้ได้สำเร็จหรือไม่

ร่วมเป็นกำลังใจให้นักมวยไทยคนนี้ในศึก ONE ลุมพินี 106 วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568 ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ของ ONE ตั้งแต่เวลา 19.30 น. เป็นต้นไป