รู้ไหมว่า คุณสามารถเปลี่ยนออฟฟิศ หรือสถานที่ทำงาน กลายเป็นแหล่งหารายได้เสริมได้ อาศัยเพียงว่าคุณต้องรู้จักสังเกตุเพื่อนรอบข้าง ว่าชอบ หรือไม่ชอบอะไร หรือในช่วงนี้เพื่อน ๆ ในออฟฟิศนิยมอะไรกัน ก็สมารถมาสร้างเป็นสินค้าไปเสนอขายพวกเขาได้แล้ว แต่สำหรับท่านใด ที่มีความสามารถในการทำขนม และอยากจะหารายได้เสริมด้วยการทำขนมไปขายออฟฟิศ เรามีข้อมูลเบื้องต้นให้คุณได้ลองศึกษาดู ดังนี้ค่ะ
หลักในการเลือกเมนู
กำหนดรูปแบบให้ชัดเจน : ว่าคุณจะขายขนมทานเล่น เช่น ขนมเค้ก เบเกอรี่ บราวนี่ หรือคุกกี้ เป็นต้น หรือจะขายเป็นเมนูขนมไทย ขนมหวาน เช่น วุ้นกะทิ ลอดช่อง ทองหยิบทองหยอด เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ง่ายต่อการออกแบบเมนูประจำวัน รวมไปถึงง่ายต่อการทำการตลาดอีกด้วย
พร้อมทาน / กลิ่นไม่แรง : ขนมนั้น ต้องเป็นขนมพร้อมทาน ที่สามารถหยิบหรือแกะทานได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาใส่จานให้ยุ่งยาก และมีกลิ่นที่ไม่แรง เพราะบางคนอาจไม่ได้รับประทานโดยทันที อาจเก็บไว้ทานในช่วงบ่าย ๆ หรือระหว่างทางนั่งรถกลับบ้าน ดังนั้นหากเป็นขนมที่มีกลิ่นแรง อาจส่งกลิ่นรบกวนเพื่อนในออฟฟิศได้
ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก / ไม่เสีย และบูดเร็ว : เพราะว่าคุณคือพนักงานออฟฟิศ คุณอาจไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะทำขนมที่มีกระบวนการเยอะ ๆ หลายขั้นตอน ดังนั้นควรเลือกเมนูขนมที่สามารถทำเสร็จได้เวลาไม่นาน และไม่รู้สึกเหนื่อยจนเกินไป เพราะจะทำให้คุณมีเวลาไปโฟกัสกับรสชาติได้เต็มที่ สิ่งสำคัญที่ต้องหลีกเลี่ยงคือ ระวังเมนูที่ปล่อยทิ้งไว้นานแล้วเสีย หรือบูดง่าย ตัวอย่างเช่น เมนูที่มี มะพร้าว เป็นวัตถุดิบ เพราะขนมจะเสียได้เร็ว ถ้าหากนำมาโรยหน้า
กลุ่มลูกค้า
โดยปรกติแล้วนั้น เบเกอรี่ หรือขนมหวานนั้น เป็นของคู่กันกับผู้หญิง ดังนั้นเราจึงอยากให้คุณเน้นไปทางกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิงเป็นหลัก แต่ก็อย่าลืมเอาใจลูกค้าที่เป็นคุณผู้ชายไว้บ้าง เพราะคุณผู้ชายในบางคน ก็ชอบทานขนมได้เหมือนกัน ดังนั้นให้คุณลองเก็บข้อมูลดูว่า มีผู้ชายในออฟฟิศท่านใดที่ชอบซื้อมารับประทาน และคุณสามารถนำมาเป็นหนึ่งในเมนูประจำวัน ที่ทำเพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าผู้ชายดูบ้าง
หลักในการตั้งราคา
ขนมไทย หรือขนมหวาน ราคาควรอยู่ที่ประมาณ 20 – 40 บาท
เบเกอรี่ หรือขนมทานเล่น ราคาควรอยู่ที่ประมาณ 30 – 50 บาท
***หมายเหตุ*** ราคาดังกล่าวเป็นแค่เพียงราคาเบื้องต้นเท่านั้น คุณอาจปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม