หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่ต้องการคิดอยากเริ่มต้นทำธุรกิจ แต่ยังมีความหวาดกลัวอยู่ในใจ เพราะโดยสถิติจากค่าเฉลี่ยคนทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จนั้น ต้องยอมรับว่า มันช่างมีน้อยเสียเหลือเกิน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณคิดที่จะทำธุรกิจส่วนตัวแล้วนั้น หากจับถูกทาง และไปทางนั้นเรื่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ สักระยะหนึ่ง จะเกิดความมั่นคง และเมื่อคุณถึงจุดนั้นแล้ว ผลตอบแทนที่ได้ เรารับรองได้ว่า สูงกว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะว่า รายได้จะเกิดกลุ่มลูกค้าหลากหลายพื้นที่ ซึ่งหากคุณยังเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น รายได้คงมีอยู่แค่ทางเดียว
โดยในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจของตัวเองนั้น คุณควรใช้จุดเด่นในธุรกิจของคุณ เป็นตัวช่วยให้ได้เปรียบคู่แข่ง อีกทั้งยังสามารถนำจุดนี้ มาใช้ในการทำตลาดได้อีกด้วย พร้อมด้วยการโปรโมทเพื่อเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย ดังนั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่า ในการเริ่มต้นทำธุรกิจ SMEs ต้องทำอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลยครับ
3 สิ่งควรมี เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ
1. สินค้า
เริ่มแรกเลยนั้น คุณต้องมีสินค้าก่อน และสินค้าที่คุณนำมาขายนั้น ต้องมีต้นทุนราคาอย่างน้อยต้องเท่ากับคู่แข่ง หรือให้ดี ต้องถูกกว่าคู่แข่ง แต่หากคุณไม่ได้เน้นที่ราคา แต่ควรทำคุณภาพสินค้าให้ดีกว่า โดยการสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี คุ้มค้ากับเงินที่ลูกค้าต้องเสียให้กับคุณ
2. หน้าร้านขายของ
หากเป็นในแบบอดีตนั้น หน้าร้านขายของ อาจหมายถึงการที่ต้องไปเช่าพื้นที่เปิดร้านขายของ แต่เมื่อยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นหน้าร้านในที่นี่ ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่จริงเสมอไป แต่ยังมีหน้าร้านออนไลน์ อย่าง Facebook Fan Page ที่เป็นช่องทางให้เราสามารถทำการขายของ และทำการตลาดได้อีกด้วย
3. ช่องทางการตลาด
สำหรับช่องทางการทำตลาดนั้น หากเป็นในอดีตคงต้องใช้เงินลงทุนอย่างมากมาย ในการออกสื่อโฆษณา แต่ในปัจจุบันนี้ คุณสามามารถทำการตลาดออนไลน์ ที่ใช้เงินลงทุนต่ำ เพียงแต่คุณต้องมีเทคนิคในการดึงดูดลูกค้า หรือถูกใจคนรับสื่อ จึงจะประสบความสำเร็จได้จริง
รู้จักบริหารเงิน เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ SMEs
เมื่อธุรกิจของคุณเริ่มต้นได้ดีแล้วนั้น อีกสิ่งที่สำคัญ ที่เปรียบเสมือนเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงร่างกาย คือ เงิน ที่ต้องคอยหล่อเลี้ยงกิจการให้เติบโต และสร้าความสำเร็จให้กับเจ้าของ ดังนั้น การบริหารเงิน รวมไปถึงสภาพคล่องของกิจการ ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ในการทำธุรกิจ SME โดยการบริหารสภาพคล่องทางการเงินที่ดีนั้น มีหลักษณะดังต่อไปนี้
- อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต้องไม่เกิน 2 เท่าตัว
- มีสัดส่วนของเงินไหลเข้า มากกว่าเงินไหลออก
- มีมาตรฐานในการเก็บเงินจากลูกหนี้
- เก็บเงินในส่วนของกำไร ไว้เป็นกำไรสะสม