ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปีนี้ เรามักจะเห็น ผู้รับต่อกิจการทางครอบครัว เข้าอบรมสัมมนาในหัวข้อ “Family Business” ค่อนข้างมาก นั่นเป็นเพราะว่า ทั้งพวกเขาและเธอนั้น เพิ่งเรียนจากมหาวิทยาลัย และเพิ่งเริ่มทำงาน และเพิ่งจะก้าวเท้าเข้ามาในธุรกิจครอบครัว อีกทั้งการที่จะเดินตามรอยบุพการีเพื่อเรียนรู้งานภายในครอบครัว เห็นทีจะช้าเกินไป ดังนั้นทั้งพวกเขา และเธอ จึงเลือกที่จะเข้าคลาสอบรมการบริหารธุรกิจครอบครัวตามสถานที่อบรมต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองสามารถเชื่อมโยงคอนเน็กชั่นกับเหล่าบรรดาเจเนอเรชั้น 2 และ 3 เข้าด้วยกัน อีกทางหนึ่งเพื่อที่จะต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจต่อไปในอนาคต
อุปสรรคสำคัญคือ “ลูกน้องเก่า” ตั้งแต่ยุคก่อตั้ง
เพราะพวกเขาเหล่านั้น ต่างมองว่า “ไม้ต่อธุรกิจ” นี้ บริารไม่เป็น ทำงานไม่เก่ง อีกทั้งยังใช้เงินลงทุนที่มากกว่าการให้โอกาส และการรักษาน้ำใจ ทั้ง ๆ ที่พนักงานรุ่นเก่า ต่างเคยทำงานเคียงบ่าเคียงไหลกันมา ตั้งแต่ยุคก่อตั้งกับผู้บริหารคนเก่า แต่เมื่อวันหนึ่ง คุณมีโอกาสเข้ามาบริหาร คุณกลับไม่เห็นหัวพวกเขา คิดว่าพวกเขาเป็นคนคอยถ่วงเวลา ไม่ให้บริษัทเจริญเติบโตต่อไปในวันข้างหน้า จนในที่สุดจึงเกิดช่องว่างระหว่างวัยเกิดขึ้น และในสุดท้าย คนรุ่นเก่าจึงถูกให้ออกไปทีละคน ๆ จนแทบไม่เหลือพนักงานรุ่นบุกเบิกอยู่เลย
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ในหลาย ๆ องค์กรต้องตกอยู่ในสภาพกินไม่เข้า คายไม่ออก เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี ครั้นจะใช้ไม้แข็ง ก็เกรงว่า ลูกน้องเก่าจะรับไม่ได้ ครั้นจะใช้ไม้อ่อน ก็กลัวถูกหาว่า ไม่เด็ดขาด และไม่มีความมั่นใจ จนในที่สุด ผู้บริหารยุคบุกเบิก ต้องออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปผู้ที่มาบริหารองค์กรต่อไปคือทายาทของเขา ขอให้พวกเราช่วยเหลือเขาด้วย
ดังนั้น แนวทางในการบริหารของคนรุ่นใหม่ จึงไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการรักษา และต่อยอดในธุรกิจเดิม ทั้งนี้เพราะเขามองเห็นแล้วว่า โลกของธุรกิจนั้น ไม่หยุดอยู่กับที่ โดยหากจับเทรนด์ของโลกธุรกิจอยู่ โอกาสในความสำเร็จก็จะสูงมากเช่นเดียวกัน แต่พวกเขากลับลืมคิดไปอีกหนึ่งอย่างว่า เมื่อกระแสดิสรัปชั่นทางธุรกิจ และเทคโนโลยีเข้ามาถาโถม ดังนั้นสิ่งที่ลงทุนไปไม่ว่าจะเป็นทั้งคน และเครื่องจักร กลับต้องไร้ประโยชน์ ไม่คุ้มค่า เพราะทุกคนต้องกลับมาเริ่มต้นเรียนรู้ใหม่กันทั้งหมด
วัยหนึ่งสอนแบบหนึ่ง ขณะที่อีกวัยหนึ่ง ก็สอนอีกแบบหนึ่ง
ดังนั้นสิ่งที่จะสอนตัวเราได้ดีที่สุดคือ “ประสบการณ์” นั่นเอง ดังนั้นคุณต้องทำงานหนัก เพราะการทำงานหนักจะทำให้คุณมีประสบการณ์ และมีมุมมองความเห็นที่แตกต่างไปจากคนอื่น จนทำให้เกิดความมั่นใจ ว่าเมื่อเราเจอปัญหาจริง ๆ เราสามารถแก้ปัญหานั้นได้ โดยไม่ยาก แต่เราจะต้องมีวินัยควบคู่กันไปด้วย