(15 ธ.ค.63) นายธนวัฒน์ แสงเพ็ชร อายุ 23 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ในฐานะหัวหน้าชุดที่ 1 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้ายที่ส่ง SMS หลอกขโมยข้อมูลส่วนตัวจนสูญเสียเงินไป 2 หมื่น หลังจากนั้นมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน ทยอยเดินทางเข้าแจ้งความตลอดทั้งวันรวม 29 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า วันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 16.30 น. ตนเองโทรศัพท์ไปยังคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อขอเปลี่ยนที่อยู่ใบแจ้งหนี้ ซึ่งก็ได้รับแจ้งจากพนักงานคอลเซ็นเตอร์ว่า ได้เปลี่ยนที่อยู่ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นเวลา 17.00 น ได้มี SMS ส่งเข้ามาทางมือถือของตนเองให้อัพเดตข้อมูล มีลิงก็ให้กดเข้าไป ซึ่งตนเองเชื่อว่าเป็น SMS ของธนาคารดังกล่าว จึงได้กรอกชื่อ นามสกุลไป พร้อมทั้งเลขที่บัตรประชาชน ก่อนจะกดยืนยัน
กระทั่งวันที่ 7 ธ.ค.เวลา 12.30 น.ได้รับการแจ้งเตือนทางไลน์ว่า มีการเคลื่อนไหวของบัญชี มีเงินออก 2 หมื่นบาท ทั้งที่ตนไม่ได้ทำธุรกรรมกับทางธนาคารแต่อย่างใด จึงโทรศัพท์สอบถามกับคอลเซ็นเตอร์อีกครั้ง ก็ได้รับการแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สน.เพชรเกษม และนำหลักฐานการแจ้งความไปติดต่อธนาคารดังกล่าว สาขา เพชรเกษม 69 โดยทางธนาคารแจ้งว่าจะเร่งตรวจสอบให้ แต่เกรงว่าอาจจะล่าช้า อายัดเงินไม่ทัน จึงได้เข้ามาแจ้งความที่ ศปอส.ตร.เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนติดตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
ด้าน พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า หลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงินที่จะเอาผิดกับมิจฉาชีพมาดำเนินคดี โดยจะเร่งประสานกับธนาคาร ขอข้อมูลด้านธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด เพื่อดำเนินการตรวจสอบ สำหรับพฤติการณ์ของคนร้ายเชื่อว่าทำเป็นขบวนการ โดยใช้วิธีการส่ง SMS สุ่มไปตามเบอร์โทรศัพท์ต่างๆ พร้อมแนบลิงก์ให้กรอกข้อมูลส่วนตัว และ เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ซึ่งจะนำข้อมูลไปแฮกบัญชีธนาคาร ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็มีการสืบสวนจับกุมผู้ร่วมขบวนการไปแล้ว 2-3 ราย พบว่าเกี่ยวพันกับแก๊งมิจฉาชีพในต่างประเทศ มีการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ ซึ่งฝ่ายสืบสวนกำลังเชื่อมโยงความเกี่ยวข้อง และคาดว่าผู้เสียหายกลุ่มนี้จะเกี่ยวพันกับผู้ต้องหากลุ่มหนึ่ง ที่กำลังเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดทั้งวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกันทยอยเดินทางเข้าแจ้งความแล้ว 29 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
เครดิต https://www.dailynews.co.th/crime/812826