เวียดนาม เตรียมบังคับ “อาลีบาบา กูเกิล เน็ตฟลิกซ์และอเมซอน” ส่งข้อมูลต่างๆ

Exclusive เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

(7 มี.ค.64) เวียดนามเตรียมออกกฏข้อบังคับคู่เพื่อควบคุมให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง อาลีบาบา กูเกิล เน็ตฟลิกซ์และอเมซอนส่งมอบรายละเอียดด้านการจ่ายภาษีและข้อมูลต่างๆแก่รัฐบาลมากขึ้น ถือเป็นการให้อำนาจรัฐบาลกำกับดูแลตลาดดิจิทัลของประเทศได้มากขึ้น

กฏข้อบังคับที่หนึ่งที่รัฐบาลเวียดนามเตรียมออกมาบังคับใช้คือ การให้คณะผู้ตรวจสอบของรัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลภายในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซนั้นๆได้ ส่วนข้อบังคับที่สองคือการเก็บภาษีที่ดูเหมือนจะยุ่งยากและสร้างความวิตกกังวลแก่กลุ่มการค้าที่ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจากแอ๊ปเปิ้ล และราคูเท็น ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซสัญชาติญี่ปุ่น

กฏข้อบังคับที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของทางการเวียดนาม กำหนดให้ธนาคารทุกแห่งในประเทศตรวจสอบบัญชีลูกค้าอย่างละเอียดและหักภาษีณ.ที่จ่ายกับบริษัทต่างชาติที่ดำเนินธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซและให้บริการด้านดิจิทัล ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้บริโภคชาวเวียดนามคนหนึ่งสมัครเป็นสมาชิกเน็ตฟลิกซ์ จะมีการหักภาษีจากบัญชีธนาคารของลูกค้ารายนี้ไว้และส่งส่วนที่เหลือไปให้บริษัทเน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการสตรีมมิงภาพยนต์ชื่อดังสัญชาติอเมริกัน

เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีล่าช้า ธุรกิจนอกเวียดนามสามารถลงทะเบียนกับรัฐบาลผ่านเว็บพอร์ทอลที่คาดว่าจะเริ่มออนไลน์ได้ในช่วงปลายปีนี้ และให้ธุรกิจนั้นๆยื่นจ่ายภาษีด้วยตัวเองแต่ภาคธุรกิจก็ยังกังวลเกี่ยวกับข้อบังคับนี้

“รายละเอียดของร่างข้อบังคับทั้ง2ฉบับมีความสลับซับซ้อนมากไปและจะสร้างภาระโดยไม่จำเป็นแก่ห่วงโซ่มูลค่าโดยรวมรวมถึงลูกค้าชาวเวียดนาม”เจฟฟ์ เพน กรรมการผู้จัดการพันธมิตรอินเทอร์เน็ต เอเชีย ซึ่งมีบริษัทชั้นนำเป็นสมาชิก รวมทั้งแอร์บีเอ็นบี ยาฮู และไลน์ บริษัทให้บริการแอพพลิเคชันแชตสัญชาติญี่ปุ่น

ด้านเน็ตฟลิกซ์ เปิดเผยกับเว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียว่า กำลังหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้กับรัฐบาลเวียดนาม

“เป็นหน้าที่ของรัฐบาลประเทศต่างๆที่จะออกกฏหมายขึ้นมากำกับดูแลเรื่องภาษี และทุกประเทศที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ เน็ตฟลิกซ์เคารพกฏระเบียบข้อบังคับต่างๆและดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับกฏหมายของประเทศนั้นๆเสมอ เราจะหารือกับคณะเจ้าหน้าที่ที่กำกับดูแลเรื่องภาษีของเวียดนามเกี่ยวกับเรื่องนี้ในโอกาสต่อไป”โฆษกเน็ตฟลิกซ์ กล่าว

ส่วนข้อเสนอให้ออกกฏข้อบังคับที่มีผลทางกฏหมายอื่นๆจะเน้นไปที่การกำกับดูแลแพลทฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งจะบังคับให้สร้างฟังก์ชันการค้นหาข้อมูลที่เอื้อให้รัฐบาลสามารถเข้าถึงบันทึกของบริษัทเกี่ยวกับผู้ค้าฝ่ายที่3 โดยเฉพาะกรณีที่มีการสืบสวนสอบสวนข้อกล่าวหาจำหน่ายสินค้าปลอมและกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆโดยผู้ค้าออนไลน์

อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ตั้งคำถามเกี่ยวกับการบังคับใช้กฏข้อบังคับและความเป็นส่วนตัว เพราะมองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้บรรดาผู้เล่นในธุรกิจอีคอมเมิร์ซพัฒนาเครื่องมือในการสืบค้นสำหรับรัฐบาล

“ผมรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับความยืดหยุ่นของข้อกำหนดต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อกฏข้อบังคับเหล่านี้ถูกนำไปใช้กับแพลทฟอร์มข้ามพรมแดน”ทราน มานห์ ฮวง หุ้นส่วนจากเบเกอร์ แมคเคนซีย์ กล่าว

ในส่วนของอเมซอน ลาซาดาของอาลีบาบา และช้อปปี้ ซึ่งซี กรุ๊ปเป็นเจ้าของปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้

“หลง ฟาม” ผู้จัดการจากแอคเซสส์ เวนเจอร์ส ซึ่งลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี ให้ความเห็นว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ธุรกิจออนไลน์ในเวียดนามเจอปัญหาสินค้าปลอมแทบรายวัน การออกร่างกฏข้อบังคับทั้งสองฉบับออกมา ถือเป็นการสร้างจุดแข็งให้เวียดนามได้มีเครื่องไม้เครื่องมือในการรับมือกับปัญหานี้ ทั้งยังเป็นเรื่องยุติธรรมที่จะเก็บภาษีผลกำไรจากตลาดเวียดนามที่มีผู้บริโภคเกือบ100 ล้านคนแต่ลงบัญชีผลกำไรต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อเลี่ยงจ่ายภาษีในอัตราสูง

การเคลื่อนไหวของทางการเวียดนาม มีขึ้นในช่วงเดียวกับที่“เจเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐ ระบุว่า กำลังดำเนินการร่วมกับกลุ่มประเทศจี20 เพื่อบรรลุข้อตกลงในการกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำสำหรับภาคธุรกิจในระดับโลก

คำกล่าวของเยลเลนมีขึ้น หลังจากที่ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา หลายประเทศทั่วโลกพยายามแข่งขันกันกำหนดอัตราภาษีสำหรับภาคธุรกิจในระดับต่ำที่สุดเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

ขุนคลังสหรัฐมองว่าเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต่างๆจะต้องมีระบบภาษีที่มีเสถียรภาพเพื่อสร้างรายได้ที่เพียงพอให้แก่รัฐบาลในการใช้จ่ายในภาคสาธารณะ และรับมือกับวิกฤตการณ์ ขณะที่ประชาชนก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบในสัดส่วนที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนด้านการเงินแก่รัฐบาลด้วย

เยลเลน ยังบอกด้วยว่า ในการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารโลกในสัปดาห์นี้ เธอจะผลักดันความคืบหน้าในการแก้ปัญหาโลกร้อน และการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ของประเทศต่างๆ รวมทั้งสนับสนุนการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจโลก ที่โยงใยถึงการกำหนดอัตราภาษีขั้นต่ำสำหรับภาคธุรกิจในระดับโลกด้วย

อย่างไรก็ตาม ฟามจากแอคเซสส์ เวนเจอร์ส ให้ความเห็นทิ้งท้ายว่า ข้อเสนอออกกฏข้อบังคับและใช้เครื่องมือในการสืบค้นจะบังคับให้บริษัทต่างชาติถูกตรวจสอบอย่างละเอียดเช่นเดียวกับบรรดาบริษัทท้องถิ่นที่เป็นคู่แข่ง

“กฎข้อบังคับใหม่ที่เป็นเหมือนกฏหมายต่อต้านสินค้าปลอมเหล่านี้จะช่วยแบรนด์ท้องถิ่น เหมือนกับกฏหมายด้านภาษีฉบับใหม่ที่ช่วยบริษัทท้องถิ่นให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นในระดับเดียวกับบริษัทต่างชาติ”ฟาม กล่าว

แหล่งข่าว https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/931158