“แมลง” โปรตีนทางเลือก เมนูใหม่มาแรงแซงทางโค้ง

คัมภีร์เศรษฐี 4.0

จากกระแสนิยมจาก แหล่งโปรตีนทางเลือกอย่าง เนื้อไก่เทียม เนื้อวัวเทียมจากโปรตีนพืชของบียอนด์มีท หรืออิมพอสซิเบิลเบอร์เกอร์ ที่เหล่าบรรดาเชนฟาสต์ฟู้ดทั้งหลายต่างนำไปใช้ รวมไปถึงเนื้อหมูสตาร์ตอัพอีกหลายเจ้าในจีน จึงส่งผลให้ตลาดโปรตีนจากพืชมีมูลค่าถึง 4.2 พันล้านเหรีญสหรัสในปี 2561 อีกทั้งยังได้ช่วยเปิดทางให้กับแหล่งโปรตีนทางเลือกอื่น ๆ ที่ยังได้มีความหวังจะขยับขยายจากตลาดเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะมีเสิร์ฟเฉพาะแค่ในร้านอาหารเฉพาะทางเท่านั้น

และหนึ่งในนั้นคือ “แมลง” ที่นอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพชั้นดีแล้ว ยังมาจากกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า มากกว่าเนื้อไก่ เนื้อปลา และเนื้อวัวอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีใยอาหาร และไขมันดีมากกว่าอีกด้วย โดยองค์การอาหาร และการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ยังพยายามโปรโมทเมนูแมลงมาตั้งแต่ปี 2556

ล่าสุดจากสำนักข่าว CNBC ออกมารายงานว่า ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่อย่าง “บาร์เคลย์” ได้ออกมาประเมินว่า จากกระแสนิยมโปรตีนทางเลือกที่กำลังมาแรงให้ช่วงหลายปีมานี้นั้น จะช่วยผลักดันตลาดแมลงสำหรับใช้เป็นเมนูอาหารเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าตัว จากเกือบ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2562 เพิ่มมาเป็น 8 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 หรืออีก 10 ปีในข้างหน้านี้ ถือเป็นผลความสำเร็จจากการเปิดตัวเมนูเนื้อเทียมของฟาสต์ฟู้ดในแต่ละราย เช่น KFC ทำยอดขายจากนักเก็ตเนื้อไก่เทียมในจำนวนที่ขายได้ 1 สัปดาห์ แต่ณ.ปัจจุบันขายได้ภายในวันเดียว นั่นเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ผู้คนต่างหันมาสนใจ และพร้อมควักเงินจ่ายให้กับสินค้ากลุ่มนี้

แต่อย่างไรก็ตาม แม้แมลงจะมีจุดแข็งที่เหนือกว่าเนื้อชนิดอื่น ๆ แต่ในการนำมาทำเป็นเป็นเมนูอาหารนั้น ยังถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ในสำหรับอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะในตลาดหลักของโปรตีนทางเลือก ในประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นจึงทำให้บรรดากลุ่มผู้สนับสนุน ต่างต้องพยายามปลุกปั้นเมนูจากแมลงกันอย่างเข้มข้นเป็นพิเศษ เช่น “โจเซฟ ยูน” เชฟและซีอีโอของบรุกลินบัก เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่สนับสนุนการนำแมลงมาทำอาหาร ได้ออกมากล่าวว่า การที่จะทำให้ชาวอเมริกันเปิดใจรับเมนูจากแมลงได้นั้น สิ่งแรกที่ต้องปรับเลยก็คือ ลบภาพลักษณ์จากการเป็นสัตว์น่ารัจเกียจ เปลี่ยนเป็นว่า การกินแมลงเป็นเรื่องสนุกให้ได้เสียก่อน

ด้วยการนำเสนอเมนูจากแมลงให้ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโชว์แมลงที่นำมาใช้ หรือเมนูที่หากไม่บอก ก็จะไม่รู้ว่าใช้แมลงเป็นวัตถุดิบ ซึ่งจะช่วยสะท้อนว่า เมนูที่มาจากแมลงนั้น สามารถดัดแปลงได้หลายอย่าง อีกทั้งยังรองรับได้กับทุกกลุ่มโดยไม่มีข้อจำกัด รวมไปถึงกระตุ้นให้เกิดการทดลอง และเปิดรับมากขึ้นในระยะยาวนั่นเอง