1.ธุรกิจเทคโนโลยีจะแกร่งขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็น Zoom, Facebook, Google, Grab, Line, Paypal, Amazon, Lazada, Shopee, ฯลฯ
ในวันที่เราไม่สามารถออกจากบ้านได้ ถึงเข้าใจในความสำคัญของโลกออนไลน์ หลายองค์กรยังทำงานต่อผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ผู้บริโภคยังซื้อแทบทุกอย่างที่ต้องการได้ผ่านอินเทอร์เน็ต มีการใช้เทคโนโลยีในการส่งข่าว โอนเงินเยียวยา ไปจนถึงใช้หุ่นยนต์มาต่อกรกับโรคระบาดในหลาย ๆ ประเทศ โควิดเปิดโอกาสให้คนมหาศาลได้เป็นลูกค้าแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ที่ตัวเองไม่เคยใช้ คนที่เคยมาแล้วก็ยิ่งใช้เยอะขึ้น ทำให้ธุรกิจสาย Tech เหล่านี้แข็งแกร่งขึ้นทั่วโลกในเวลาสั้นๆ
2.ธุรกิจสายการบินและท่องเที่ยวจะเหงาไปอีกพักใหญ่ๆ และจะไม่ฟื้นจนถึงปีหน้า
จากรายงานของ McKinsey & Company คาดการณ์ว่าหลังจากวิกฤตโควิด-19 ถล่มครึ่งปีแรกของ 2020 อุตสาหกรรมจะเริ่มฟื้นตัวตามลำดับดังนี้
– กลุ่มเสื้อผ้า สินค้าแฟชั่น สินค้าหรูหรา จะฟื้นตัวในไตรมาสที่ 2-3 ของ 2020
– กลุ่มยานยนต์ จะฟื้นตัวในไตรมาส 3 ของ 2020
– กลุ่มพลังงาน จะฟื้นตัวในไตรมาส 3 ของ 2020
– กลุ่มประกัน จะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ของ 2020
– กลุ่มท่องเที่ยว จะฟื้นตัวในไตรมาส 1-2 ของ 2021
– กลุ่มการบินพาณิชย์ จะฟื้นตัวเป็นลำดับสุดท้าย ในไตรมาส 3-4 ของ 2021
3.การทำงานที่บ้าน หรือเรียนออนไลน์ อาจกลายเป็นทางเลือกหลัก
ถ้าพูดในแง่เทคโนโลยี เรามีเครื่องมือพร้อมสำหรับทำงานทางไกลหรือเรียนออนไลน์อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ขาดคือความพร้อมของคน และความจริงจังขององค์กรที่จะเอาเทคโนโลยีมาใช้ วิกฤตนี้เลยถือว่าเป็นการฝึกภาคบังคับ ให้ทุกภาคส่วนได้เปิดใจรับแนวทางใหม่ไปพร้อมกัน ถ้ามันเวิร์ก ต่อไปหลายองค์กรอาจเลือกใช้เป็นวิธีหลักในการทำงานได้
4.องค์กรอะนาล็อกจะ “เจ็บแล้วจำ” และจะหันมา Transform ตัวเองให้รองรับระบบ Digital
ณ วันนี้เราจะเห็นความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่มาก ระหว่าง “องค์กรที่พร้อมใช้เทคโนโลยี” กับ “องค์กรไดโนเสาร์” หน่วยงานที่ยังเป็นอะนาล็อกล้วน ๆ จะถูก Lock Down ไปโดยปริยายและถูกแซงหน้าไปอย่างเร็ว ดังนั้นหลังจากนี้ไป ความเจ็บจะเป็นบทเรียนให้หลายองค์กรจะหันมา Transform ตัวเองให้รองรับระบบ Digital อย่างจริงจังซะที
5.โลกจะเห็นความสำคัญของ “นักรบชุดขาว”
ไวรัสไม่เหมือนข้าศึก เรากำลังสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็น เพิ่มจำนวนได้ไม่อั้น และสร้างความเสียหายได้มหาศาล ความพร้อมของระบบสาธารณสุขจะถูกวัดกันก็ตอนนี้เอง และหลังจากนี้ไปมีแนวโน้มว่าทั้งโลกจะหันมาใส่ใจกับการลงทุนสร้างหมอ พยาบาล สร้างโรงพยาบาล และพัฒนาเทคโนโลยีการแพทย์ให้มากขึ้น
6.ยิ่งเราพึ่งพาคนต่างชาติมากเท่าไร วันนี้เราจะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น
ธุรกิจที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างชาติ พึ่งตลาดส่งออกอย่างเดียว หรืออาศัยแต่วัตถุดิบนำเข้า จะเป็นรายแรก ๆ ที่โดนผลกระทบตั้งแต่ไวรัสยังไม่ถึงไทยและลากยาวมาจนถึงตอนนี้ ต่อไปจะกลายเป็นบทเรียนว่าธุรกิจที่ยั่งยืนไม่ควรพึ่งพาลูกค้าหรือคู่ค้าต่างชาติมากจนเกินไป โดยเฉพาะการผูกขาดกับประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่อย่างนั้นถ้าเขาล้ม เราก็จะต้องล้มตามไปด้วย
7.ถ้าคุณเตรียมพร้อมขายออนไลน์เสียตั้งแต่วันนั้น
วันนี้คุณก็ยังพอขายได้อยู่ ทุกธุรกิจจะเข้าใจความสำคัญของช่องทางออนไลน์ เราไม่สามารถเปิดประตูนั่งรอลูกค้าได้อีกแล้ว แต่ต้องวิ่งมาหาลูกค้าถึงหน้าจอ และวิ่งเอาสินค้าไปให้เขาถึงที่บ้าน พร้อมจริงแค่ไหนก็วัดกันตอนลูกค้าไม่ยอมออกจากบ้านเนี่ยแหละ ธุรกิจไหนยังไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์ ตอนนี้คือเวลาที่คุณควรเริ่มซะที
8.ในวันนี้ คนมีเงินออม กับคนใช้เงินเดือนชนเดือน ชีวิตต่างกันมาก / ธุรกิจมีเงินทุนสำรอง กับธุรกิจที่มีแต่เงินหมุน ความเครียดต่างกันมหาศาล
ย้อนไปเมื่อปลายปี 2019 แม้แต่นักวิเคราะห์ที่เก่งที่สุดก็ยังไม่สามารถคาดการณ์ถึงวิกฤตโควิด-19 ได้ ในตอนนั้นเรายังพูดคุยกันแต่เรื่องงดใช้ถุงพลาสติก ลดขยะ โอลิมปิก ฟุตบอลยูโร ฯลฯ ผ่านมาแค่ไม่เดือน ประเด็นพวกนั้นกลายเป็นฝุ่น ไม่เหลือความสำคัญอะไรเลย ธุรกิจต้องรื้อแผนปี 2020 ทิ้ง คน ๆ หนึ่งอาจต้องยกเลิกแผนในชีวิตปีนี้ไปหมด ไม่ว่าจะเรื่องเที่ยว เรียนต่อ เปลี่ยนงาน ลงทุน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามีทรัพยากรพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแผนมากแค่ไหน
ความรู้สึกของคุณตอนนี้ จะเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในชีวิตว่า “โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน” ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจหรือมนุษย์เงินเดือน ก็ต้องใช้ชีวิตหลังจากนี้ด้วยความไม่ประมาท