หากใครในตอนนี้คิดกำลังจะทำธุรกิจ “ร้านน้ำเต้าหู้” ขอบอกก่อนเลยว่า มันไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ใช่เรื่องง่ายในเวลาเดียวกัน ในวันนี้เราจึงยากจะมาเผยเคล็ดลัพธ์ วิธีการทำน้ำเต้าหู้ ทำอย่างไรให้ลูกค้าติด ขายอย่างไรให้ลูกค้าแน่น ตามเรามาได้เลยครับ ดังนี้
น้ำเต้าหู้ต้องมีเอกลักษณ์
สำหรับเอกลักษณ์ของน้ำเต้าหู้นั้น บอกได้ว่า ต้องใช้ถั่วเหลืองซีก 100% ห้ามผสมนมผง ห้ามผสมถั่วลิสง และไม่แต่งกลิ่นใด ๆ ทั้งสิ้น รสชาติต้องมาจากถั่วเหลืองแท้ ๆ แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบถั่ว อาจไม่ชอบน้ำเต้าหู้ชนิดนี้ เนื่องจากว่า มันเข้มข้นมาก และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ทั้งน้ำเต้าหู้สูตรร้อน และสูตรเย็น จะต้องทำแตกต่างกัน สำคัญคือ รสชาติต้องไม่หวาน แต่หากลูกค้าอยากทานหวาน ให้ทางร้านมีน้ำตาลทรายแดงวางไว้บนโต๊ะ คอยบริการลูกค้า
โดยถั่วเหลืองซีกต้องใช้เกรดที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากบดง่าย และในเรื่องของเมนูนั้น ช่วงแรก ๆ อาจใช้เพียงเมนูน้ำเต้าหู้ร้อน เต้าฮวยน้ำขิง ส่วนเมนูที่จะใช้เพิ่มเติมนั้น อาจดูทำเลที่ตั้งของร้าน เช่น หากใกล้สถานศึกษา อาจเพิ่มเป็นเมนูเอาใจวัยรุ่น นักศึกษา เช่น เฉาก๊วยภูเขาไฟนมสด น้ำเต้าหู้เย็นทรงเครื่อง เฉาก๊วยนมสด หรือน้ำเต้าหู้เครื่องรวมขนมปัง เป็นต้น
ซึ่งเมนูหลักอย่างน้ำเต้าหู้ร้อน น้ำเต้าหู้เย็น เครื่องที่ต้องมีคือ ลูกเดือย เม็ดบัว สาคู แปะก๊วย วุ้น ข้าวบาร์เลย ถั่วเขียว ถั่วแดง และแมงลัก เพราะทุกอย่างในนี้ สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมตช์ได้เหมือนกันหมด อีกทั้งยังหลากหลายเมนูอีกด้วย ต้องเสิร์ฟมาในชามใหญ่ เพื่อให้ลูกค้าได้ทานอิ่ม และเมนูที่ต้องใช้นม ทางร้านจะต้องไม่ใช้นมวัว ควรใช้นมข้นจืดแทน เพราะในลูกค้าบางท่านอาจมีอาการแพ้นมวัว
ส่วนหลักในการตลาดนั้น หากเรามีน้ำเต้าหู้ที่สะอาด อร่อย ถูกปากคนทานแล้วล่ะก็ ไม่ต้องเป็นกังวล จะมีการประชาสัมพันธ์ แบบปากต่อปากกันอยู่แล้ว แต่หากคุณสามารถหาคนดัง หรือคนมีชื่อเสียงมารับประทาน แล้วมีการบอกต่อ หลักการตลาดนี้ ถือว่าคงประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเริ่มจากให้คนมารีวิว และให้เพจดังต่าง ๆ มาทำรายการ เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยเรื่องทางการตลาดได้มากขึ้นแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณต้องมั่นคงในคุณภาพของน้ำเต้าหู้ ให้อยู่ในคุณภาพที่มาตรฐาน ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สินค้าต้องขายหมดวันต่อวัน ไม่ใช้สต๊อกค้างขายในวันถัดไป เพื่อให้ลูกค้าได้มั่นใจว่า ได้รับเครื่องดื่มที่ใหม่สดอยู่เสมอ
