ภาคธุรกิจ หนุน “วีซ่าพิเศษต่างชาติ อยู่ยาว 9 เดือน” ชี้จะกระตุ้นให้ลูกค้าต่างชาติมาซื้ออสังหาฯ

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

(28 ก.ย. 2563) นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการ บริษัทแองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด (Angel Real Estate Consultancy Co.,Ltd. หรือ ARE) บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและขายชั้นนำของประเทศไทย โดยเฉพาะโควตาต่างประเทศ (Foreign Quota) โบรกเกอร์รายใหญ่ที่ทำตลาดในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า บริษัทสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยให้สิทธิต่างชาติในการเข้ามาพำนักประเทศไทยนานขึ้น ซึ่งล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้อนุมัติในเรื่องการถือครองวีซ่าพิเศษเที่ยวในประเทศไทยได้นาน 9 เดือน ซึ่งตรงนี้จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าต่างชาติ ที่ได้วางดาวน์โครงการคอนโดมิเนียมก่อนหน้านี้ ตัดสินใจรีบมาดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ในห้องชุดให้แล้วเสร็จ หลังจากช่วงปิดประเทศ (ล็อกดาวน์) ไม่สามารถทำธุรกรรมดังกล่าวได้

“กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ที่ต้องการได้พาสปอร์ต เป็นตลาดที่ใหญ่มาก อย่างเช่นประเทศอังกฤษ จะให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้มาลงทุนหรือซื้ออสังหาฯวงเงิน 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประเทศตุรกี ผู้ที่เข้ามาลงทุนตั้งแต่ 250,000 เหรียญสหรัฐฯ จะได้สัญชาติตุรกีและถือพาสปอร์ต เพื่อเดินทางไปสหรัฐฯและกลุ่มประเทศอียูได้ ในส่วนของประเทศไทย หากกำหนดวงเงินลงทุน 5 ถึง 10 ล้านบาท มีระยะเวลาการถือพาสปอร์ตได้ประมาณ 5 ถึง 10 ปี จะกระตุ้นให้ตลาดคอนโดฯได้รับความนิยมและขยายตัวมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอความชัดเจนสิทธิประโยชน์จากรัฐบาล เพื่อนำมาวิเคราะห์ถึงผลที่มีต่อลูกค้าต่างชาติได้ แต่ความเห็นส่วนตัวแล้ว มองมาตรการของภาครัฐเป็นเชิงบวก” นายไซม่อน กล่าว

สำหรับการเคลื่อนไหวของนักลงทุนที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย พบว่าเป็นกลุ่มลูกค้าเศรษฐีจากประเทศจีน ฮ่องกง ไต้หวัน มีความต้องการซื้อลงทุนอสังหาฯในไทยในลักษณะซื้อยกชั้นคอนโดมิเนียม เพื่อให้ไดัรับส่วนลดประมาณ 35-40 % โดยในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมที่ผ่านมา ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้เข้ามาซื้อผ่านพอร์ตของบริษัทแองเจิลฯหลายร้อยกว่าล้านบาท เน้นคอนโดฯที่อยู่ในทำเลไพรม์เอเรียล หรือโครงการติดแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งห้องชุดที่มีอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง จะมีซัพพลายคงเหลือในตลาดในจำนวนไม่มาก

โดยในส่วนของบริษัทแองเจิลฯ ได้มาเพิ่มตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนยังน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดหลักในกลุ่มโควตาต่างชาติ ซึ่งโครงการที่บริษัทจะขยายไป จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย เพื่อรองรับตลาดการปล่อยเช่าให้กับลูกค้าคนไทยและต่างชาติ คาดว่าในปี 2564 พอร์ตโควตาไทยจะมีมูลค่าเฉลี่ย 500 ล้านบาท ในส่วนของผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมียอดขายหลักพันล้านบาท ยอดโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 3,600 ห้อง มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากหลายโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ (ปี 2562 มียอดขาย 10,000 ล้านบาท ปี 2561มียอดขาย. 20,000 ล้านบาท)

สำหรับความคืบหน้าในธุรกิจใหม่ ได้ปรับกลยุทธ์มาเจาะกลุ่มฐานลูกค้าอุตสาหกรรมต่างๆให้ย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทยนั้น ล่าสุดวันอังคารที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ได้มีการจัดประชุมหารือทางธุรกิจผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ระหว่างภาคเอกชนรายใหญ่ของไทยกับทางผู้ประกอบการโรงงานไต้หวันกว่า 40โรงงานขนาดใหญ่ เข้าร่วมการประชุม กับทางผู้ประกอบการของประเทศไทย ได้แก่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WHA) , บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (AMATA) , บริษัทเจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JCK) ,Yamoto และบริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) เป็นต้น