“สาคู-ข้าวเกรียบปากหม้อ” ใช้สีจากสมุนไพรมาเพิ่มสีสันชวนรับประทาน ทำเป็นอาชีพสร้างรายได้

ออร์เดิร์ฟ - อาหารว่าง

“สาคูไส้หมู-ข้าวเกรียบปากหม้อ” ถือเป็นขนมหรือของกินเล่นอีกเมนูที่ได้รับความนิยมจากเหล่านักชิมทั้งหลาย เป็นขนมที่รับประทานง่าย รูปลักษณ์สวยงาม รสชาติอร่อย ปัจจุบันมักจะเห็นขนมชนิดนี้ใช้รับรองแขกตามงานเลี้ยงต่าง ๆ แต่เมื่อผู้ประกอบการรายนี้ทำการประยุกต์ใช้สีจากสมุนไพรมาเพิ่มสีสันขนมให้มีความหอมและชวนรับประทานมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ของลูกค้าทุกกลุ่มสามารถเปิดขายตามตลาดนัด, ตลาด
สด, ร้านอาหารสำเร็จรูป ตลอดจนแหล่งชุมชนได้ สามารถทำเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้อย่างน่าทึ่ง วันนี้คอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลเรื่องนี้มานำเสนอ…

ผู้ที่จะมาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ คือ ธนพร ถาวรวัตย์ หรือ “ชม” วัย 54 ปี เจ้าของร้านขนมไทยใครใครก็ชม ซึ่งเล่าให้ฟังถึงที่มาของอาชีพให้ฟังว่า เดิมนั้นเธอทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่นายหลายปี ก็รู้สึกเบื่อกับงานที่ทำอยู่ที่จำเจ และมีปัญหาเยอะประกอบกับเคยฝันไว้ตั้งแต่เด็กว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำอาชีพค้าขาย แต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรขายดี เวลาเดินทางไปไหนมาไหนก็มองว่าอะไรขายดีบ้าง พอดีมีคนรู้จักแนะนำว่าควรจะทำในสิ่งที่เราชอบแล้วจะทำได้ดี แล้วก็เกิดจุดประกายความคิดเรื่องขนมไทยขึ้นมา เพราะเป็นคนชอบกินขนมไทยมาก

“สมัยก่อนคนยังไม่มีโซเชียลเนอะ ก็อาศัยซื้อหนังสือการทำขนมไทยมาศึกษา จากนั้นฝึกทำขนมที่ชอบด้วยตัวเอง และมีแบบครูพักลักจำเวลาที่เราซื้อจากเจ้าอร่อย แล้วจะจดรายละเอียดไว้หมด บางอย่างก็ถามจากคนทำขายแบบขอความรู้ แล้วก็นำมาประยุกต์ จับอันนั้นใส่นิด จับอันนี้ใส่หน่อยตามความชอบของตัวเอง จนมั่นใจแล้วจึงลาออกจากงานมาทำสาคูไส้หมูขาย ออกขายตอนแรกไม่ได้รับการตอบรับ ตัวสาคูแข็งกระด้าง ไส้ก็ไม่อร่อย จึงลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง จากสูตรที่ได้คือต้องเอาน้ำร้อนมาราดเม็ดสาคู นวดแล้วปั้น แต่มันไม่สำเร็จ ก็เอาเม็ดสาคูมาแช่น้ำเหมือนแช่ข้าวเหนียวหุง ให้เม็ดสาคูพอปั้นได้ ซึ่งมันตอบโจทย์ลูกค้ามาก ตัวสาคูจะบาง นุ่ม หนึบเหนียวกำลังดี ส่วนตัวไส้ขนมจะไม่ใส่หมูสับ เพราะขายยาก ขายได้กับลูกค้าแค่กลุ่มเดียว แต่จะเป็นไส้ไชโป๊หวานกับถั่วลิสงคั่วซึ่งขายได้กับลูกค้าทุกกลุ่ม”

ธนพร บอกอีกว่าจากนั้นมาเธอก็มีลูกค้าขาประจำมากขึ้นเรื่อย ๆ บอกกันปากต่อปากจนมีคนในหน่วยงานราชการและงานอีเวนต์ติดต่อให้ไปออกงานบ่อย ๆ และเพื่อความหลากหลายได้เพิ่มเมนู “ข้าวเกรียบปากหม้อ” ขายคู่กัน เพราะใช้ไส้ตัวเดียวกัน ตัวแป้งจะไม่ใส่สีผสมอาหาร แต่จะใช้น้ำสีธรรมชาติจากสมุนไพร เช่น อัญชัน และใบเตยแท้ ๆ เพื่อให้ขนมได้กลิ่นหอมและสีจากสมุนไพรล้วน ๆ

อุปกรณ์

หลัก ๆ ก็มีกระทะทองเหลือง, หม้อลาวทรงสูง, เตาแก๊ส, ทัพพี, กระชอน, ไม้พาย, ถาด, อ่างผสม, ผ้าขาวบาง และภาชนะต่าง ๆ ที่ใช้ในครัวเรือน

วัตถุดิบ

มี สาคูเม็ดเล็ก 1 กก., ถั่วลิสงคั่วบด 4 ถ้วยตวง, หอมหัวแดงสับ 2 ถ้วยตวง, ไชโป๊หวานสับ 2 ถ้วยตวง, น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วยตวง, ซีอิ๊วขาว, พริกไทยเม็ดดำ 2 ช้อนโต๊ะ, รากผักชี 4-5 ราก, กระเทียม 6 กลีบ, เกลือป่น, น้ำมันพืช และกระเทียมเจียว

ส่วนผักเคียงที่ใช้รับประทานกับขนมสาคูไส้หมู มี ผักกาดหอม, ผักชี และพริกขี้หนูสวน

ขั้นตอนการทำ “สาคู-ข้าวเกรียบปากหม้อ”

เริ่มจากการเตรียมไส้ก่อน ทำการโขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยรวมกัน ตั้งกระทะน้ำมันไฟปานกลาง พอกระทะร้อนใส่เครื่องที่โขลกไว้แล้วลงผัดให้หอม จากนั้นใส่หอมแดงสับลงไปผัดให้หอม ใส่ไชโป๊หวานสับลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว และเกลือ ผัดไปเรื่อย ๆ ให้ส่วนผสมในกระทะข้นเหนียว แล้วค่อย ๆ นำถั่วลิสงคั่วบดที่เตรียมไว้ใส่ตามลงไป ผัดต่อด้วยไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมแห้งและเหนียว ปิดไฟตักส่วนผสมใส่ภาชนะขึ้นพักไว้ให้เย็น

นำเม็ดสาคูที่เตรียมไว้แช่น้ำนานประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงเวลากรองน้ำด้วยผ้าขาวบาง บิดจนหมาด ๆ เทใส่ภาชนะจะเห็นได้ว่าสาคูจะเริ่มพองตัว ต่อจากนั้นให้ขยำเม็ดสาคูพอให้ติดกัน (ขั้นตอนนี้ห้ามนวด ไม่งั้นสาคูจะเหนียวเกินไป) แล้วนำมาปั้นได้เลย

การปั้น

ใช้มือหยิบสาคูมาแผ่ออก ใส่ไส้ แล้วจับจีบปิดไส้ให้มิดปั้นเป็นก้อนกลม ๆ จนหมด นำหม้อลาวทรงสูงปากกว้างขึงด้วยผ้าขาวบางให้ตึง เปิดริมผ้าด้านนึงประมาณ 2 ซม.ให้ไอน้ำพุ่งขึ้นมาได้ เติมน้ำเปล่าลงไป 1/3 ของหม้อ และต้มให้เดือด นำสาคูที่ได้วางเรียงบนผ้าขาวบาง ปิดฝาประมาณ 10 นาที เปิดฝาเช็กดูพอเห็นสาคูเริ่มใสบางส่วนก็เป็นอันใช้ได้ ตักใส่ถาดที่มีน้ำมันพืช เคล้าพอทั่วเพื่อไม่ให้สาคูติดกัน

การทำแป้งข้าวเกรียบปากหม้อ

ผสมแป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย, แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำเปล่า½ ถ้วย, น้ำดอกอัญชัน หรือน้ำใบเตยประมาณ ½1/2 ถ้วย นวดส่วนผสมให้เข้ากัน ตักแป้งครึ่งทัพพีเทลงบนผ้าขาวบาง ใช้ทัพพีเกลี่ยแป้งให้บาง ปิดฝาไว้ 20 วินาที แป้งสุกใช้ไม้พายกรีดแป้งให้ได้ 4 ส่วน หยิบไส้วางลงบนแป้งแต่ละส่วน ใช้พายปาดแผ่นแป้งหุ้มให้ทั่วไส้ ตักขึ้นพักไว้ในถาดที่มีน้ำมัน เวลารับประทานให้โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว รับประทานคู่กับผักกาดหอม ผักชี และพริกขี้หนู  ราคาขาย “สาคู-ข้าวเกรียบปากหม้อ” เจ้านี้ ขายชุดละ 30 บาท ถ้าเป็นสาคูจะมี 10 ลูก, ข้าวเกรียบปากหม้อมี 8 ชิ้น

ใครสนใจขนม “สาคู-ข้าวเกรียบปากหม้อ” อยากทำเป็นอาชีพสร้างรายได้ก็ลองฝึกลองทำกันดูให้ชำนาญ แต่หากต้องการลิ้มชิมรสชาติขนมเจ้านี้ จะขายทุกเช้าที่ตลาดเลิศอุบล ร้านจะอยู่หน้าร้านอาหารครัวชาวใต้ รามอินทรา, ส่วนวันพุธที่ 2 ขายที่ รพ.จุฬาฯ ทั้งนี้หากใครต้องการสั่งขนมไปออกงานอีเวนต์หรือใช้ในงานต่าง ๆ ติดต่อสอบถามข้อมูลกับ ชม-ธนพร ถาวรวัตย์ เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” ได้ที่ โทร. 08-1449-6089 ขนมไทยชนิดนี้ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยังคงดำรงอยู่คู่คนไทยอย่างเหนียวแน่น และนี่ก็เป็นอีก “ช่องทางทำกิน” ที่น่าพิจารณา!!

………………………………………………….

เชาวลี ชุมขำ : รายงาน
เครดิต https://www.dailynews.co.th/article/779657