จากสาวโรงงาน ค่าแรงแสนถูก จึงจำเป็นต้องออกมาหารายได้เสริม ด้วยความที่ตนเองมีความชื่นชอบในการทานแซนด์วิชเป็นอย่างมาก จึงคิดจะนำแซนด์วิชมาสร้างเป็นอาชีพ โดยในเบื้องต้น สาวน้อยผู้นี้ได้ไปรับของเจ้าอื่นมาขาย แต่เมื่อขายไปสักพักหนึ่ง กำไรไม่เหลือ สุดท้ายจึงหันมาทำเอง โดยสร้างจุดเด่นเป็นแซนด์วิชโบราณทานกับกับน้ำสลัดไส้ทะลัก มีหลากหลายรสชาติ ที่สำคัญไม่ใส่สารกันบูด อีกทั้งยังมีคู่แข่งน้อย ในแต่ละวันเธอจึงขายได้ 500 ชิ้นต่อวัน ลูกค้าให้การตอบรับดี ซึ่งในล่าสุด สาวโรงงานท่านนี้ ได้ลาออกจากงานแล้ว ในอนาครอยากต่อยอดธุรกิจเปิดแบบมีหน้าร้าน
โดยเจ้าของธุรกิจแซนด์วิชไส้ทะลักนำสลัดสูตรโบราณ ได้กล่าวว่า จากเดิมเคยทำงานโรงงาน แต่ค่าแรงที่ได้เป็นรายวันนั้น น้อยมาก ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น จึงลองมองหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่ม ด้วยการรับแซนด์วิชมาขาย เนื่องจากตนเองนั้นชอบทานอยู่แล้วด้วย แต่เมื่อขายไปได้ระยะหนึ่ง กำไรกลับไม่เหลือ เลยมีความคิดว่าทำขายเองจะดีกว่า ซึ่งเธอมีความคิดที่ว่า แซนด์วิชโบราณไส้ทะลัก ในตลาดยังไม่ค่อยมีใครทำขาย ซึ่งจุดเด่นของทางร้านคือ “น้ำสลัด” สามารถเก็บรักษาได้นานประมาณ 30 วัน โดยที่ไม่ต้องแช่เย็น ไม่ใส่สารกันบูด ไม่มีส่วนผสมของเนย มาการีน และสีเจือปน แต่ในส่วนของขนมปังนั้น มีวันหมดอายุตามปกติ
ในส่วนของไส้นั้น เธอได้บอกว่า มีทั้งไส้หมูหย็อง ไก่หย็อง โบโลน่าไก่ ซึ่งคนมุสลิมอิสลามก็สามารถทานได้ รวมไปถึงไส้ฝอยทอง และแยมพริกเผาเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งนี้กำลังการผลิตจะสามารถผลิตได้ประมาณวันละ 300 – 500 ชิ้น ทางร้านเน้นทำตามออร์เดอร์ มีทั้ง แซนด์วิชบ็อกซ์ แซนด์วิชสามเหลี่ยมไส้ทะลัก และแซนด์วิชโรล มีทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ทางด้านการทำการตลาดนั้น เจ้าของร้านยังบอกอีกว่า เธอใช้ขายออนไลน์เป็นหลัก เจาะกลุ่มคนทำงาน ที่ต้องการรับไปขายต่อ หากลูกค้าสั่ง 30 ชิ้นขึ้นไป จะได้ราคาส่งทั้งหมด
ส่วนในราคาขายปลีก ชิ้นละ 25 บาท ราคาส่งอยู่ที่ 15 บาท ทุกไส้ ด้วยความพิเศษของแซนด์วิชโบราณคือ ไส้ทะลักทุกชิ้น รวมไปถึงตัวขนมปังนั้น จะเป็นขนมปังไร้ขอบ ตัวแป้งนิ่ม ซึ่งเหมาะกับการทำแซนด์วิชเป็นอย่างมาก ในเรื่องของ บรรจุภัณฑ์ มีการห่อ 2 ชั้น เพื่อความปลอดภัย ก่อนที่จะถึงมือลูกค้า ในเรื่องของกำลังการผลิตนั้น หากเป็นแซนด์วิชสามเหลี่ยม จะทำได้ประมาณ 200 – 300 ชิ้น และในแบบอื่น ๆ โดยรวม ๆ แล้วอยู่ที่วันละ 500 ชิ้น
ซึ่งผลตอบรับในขณะนี้นั้น หญิงสาวบอกว่า ได้ลาออกจากงานที่โรงงานแล้ว มาขายแซนด์วิชแบบเต็มเวลาแล้ว และหลังจากที่เธอขายมาได้เพียง 6 เดือนนั้น ยอดขายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าส่วนใหญ่มาจากสื่อโซเชียลเป็นหลัก
