โชว์ห่วยไทย ใกล้ตายแล้ว จริงหรือไม่

คัมภีร์เศรษฐี 4.0

ร้านโชห่วย กำลังจะตาย คำพูดนี้ถูกพูดถึงมานับ 10 ปีแล้ว เนื่องจากการเติบโตของร้านสะดวกซื้อ และซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ และในข้อมูลพบว่า ตลาดค้าปลีกในประเทศสไทย มีมูลค่าสูงถึง 3 ล้านล้านบาท หากนับเฉพาะตลาดสินค้าอุปโภค – บริโภค ก็มีมูลค่าถึง 500,000 ล้านบาทเข้าไปแล้ว และเมื่อได้ดูตัวเลขส่วนแบ่งทางการตลาดแล้วนั้น พบว่าส่วนแบ่งการตลาดสินค้าอุปโภค – บริโภค ในปี 2556 นั้น

 

อันดับ 1 คือ ร้านโชห่วย และร้านค้าชุมชน 34.8% อันดับ 2 คือ ไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น โลตัส บิ๊กซี 20.3% อันดับ 3 คือ ร้านสะดวกซื้อ อย่าง 7 – Eleven หรือแฟมิลี่มาร์ท 13.1% แต่เมื่อเวลาผ่านไป 7 ปีนั้น ส่วนแบ่งในการตลาดที่ยังเหมือนเดิม แต่มีเปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนไป คือ อันดับ 1 ร้านโชห่วย และร้านค้าในชุมชน 32.2%

 

อันดับ 2 ไฮเปอร์มาร์เก็ต 17.6% อันดับ 3 ร้านสะดวกซื้อ 16.4%  และผู้ประกอบการหน้าใหม่ บนโลกออนไลน์ 1.8% ซึ่งอันดับดังกล่าวนั้น สะท้อนออกมาให้เห็นว่า ร้านค้าโชห่วย และห้างสรรพสินค้า มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ลดลง ในขณะที่ร้านสะดวกซื้อ เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งการขายผ่านออนไลน์ ยังเข้ามามีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น และที่สำคัญ ครอบครัวของคุณรุ่นใหม่นั้น มีขนาดที่เล็กลง จนเห็นได้ชัด คนต่างจังหวัดมาอยู่ในเมืองมากขึ้น ในขณะที่คุณกรุงเทพนิยมอยู่คอนโดมากกว่าบ้าน ดังนั้นในการซื้อของทีละมาก ๆ ในห้างสรรพสินค้า จึงลดลงตามไปด้วย

 

นั่นแสดงให้เห็นว่า ในปัจจุบันร้านโชห่วยยังมียอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคในปีล่าสุด มียอดถึง 140,000 ล้านบาท ดังนั้นร้านโชห่วยกำลังจะตายนั้น จริงหรือไม่? โดยรวมแล้ว ร้านค้าสะดวกซื้อในไทย มีจำนวนประมาณ 16,000 สาขา และหนึ่งในจำนวนนั้นคือ 7 –  Eleven ได้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดถึง 10,000 กว่าสาขา ในขณะที่ร้านโชห่วยในไทย มีประมาณ 400,000 กว่าร้าน ซึ่งสถิติที่น่าสนใจ อยู่ตรงที่ว่า ในรอบ 10  ปีที่ผ่านมานั้น อัตราในการเปิดร้านโชว์หวย เพิ่มมากขึ้นกว่าที่ปิดตัวลง เนื่องจากว่า คนรุ่นใหม่หลายท่านมองว่า ธุรกิจร้านขายของชำยังสามารถไปต่อได เมื่อเบื่อจากงานประจำ ก็หันมาลงทุน ในร้านโชห่วยมากขึ้น และคนในวัยเกษียร ที่มีจำนวนไม่น้อย ก็หันมาเปิดร้านโชห่วยเช่นกัน

 

ในขณะเดียวกัน ในร้านโชห่วยบางร้าน ที่คนรุ่นลูกรุ่นหลานมารับช่วงต่อ ก็ปรับปรุงร้านค้าให้ดูทันสมัยขึ้น เพื่อต่อสู้กับร้านสะดวกซื้อในยุคปัจจุบัน และนั่นแสดงให้เห็นว่า ธุรกิจร้านโชห่วย ยังสามารถต่อยอดไปต่อได้ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการปรับตัวไปด้วยเช่นกัน