เชื่อว่าพนักงานกินเดือนทั้งหลาย คงประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน เงินเดือนไม่พอใช้ แค่ต้นเดือนเงินออกก็หมดไปกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าบัตรเครดิต ค่าบ้าน ค่ารถ หากต้องพูดเรื่องเงินเก็บล่ะก็ คงไม่ต้องพูดถึง เพราะเมื่อหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วนั้น ก็แทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว ซึ่งหลายต่อหลายท่านจึงเลือกที่จะต้องหารายได้เพิ่ม เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการทำเงิน ซึ่งการรับงานฟรีแลนซ์ จึงเป็นทางเลือกที่เหล่ามนุษย์เงินเลือกกันมากที่สุด เนื่องจากสามารถทำคู่กับงานประจำได้ แต่การที่จะทำงานประจำ คู่กับงานฟรีแลนซ์นั้น อาจต้องมีเรื่องให้คุณปวดหัว ซึ่งคุณต้องเตรียมตัวรับไว้เลย และนี่คือ 3 สิ่งที่เราอยากให้คุณรู้ และได้เตรียมตัวไว้ก่อน ที่จะรับงานฟรีแลนซ์คู่งานประจำ
1. เป็นเจ้านายตัวเอง ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
หากคุณได้ลองนึกถึงบรรยากาศการทำงานในออฟฟิศ ที่มีการแบ่งงานตามหน้าที่อย่างชัดเจน รวมไปถึงการทำงานเป็นทีมกับเพื่อนร่วมงาน และผู้บังคับบัญชา แต่ในขณะที่คุณทำงานเป็นฟรีแลนซ์ คุณต้องควบคุมทุกอย่างเองหมด ทั้งในเรื่องการเจรจาต่อรองลูกค้า และคุณต้องเป็นคนรับมือทุกความคิดเห็นจากลูกค้าด้วยตนเองอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเชิงลบ หรือเชิงบวก ซึ่งเจ้าหน้าคุณเองก็เคยรับหน้าที่นี้มาก่อน อีกทั้งยังไม่มีเพื่อนร่วมงานค่อยให้คำปรึกษา
ซึ่งลูกค้าก็มักที่จะคาดหวังจากเรา ให้มีการตอบสนองเขาอย่างรวดเร็วทันใจตลอด 24 ชม. หากคุณไม่สามารถรับมือกับลูกค้าแบบนี้ คุณจำเป็นต้องทนให้ลูกค้าใช้ไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันหยุด ดังนั้นคุณควรตกลงกับลูกค้าให้ชัดเจน เรื่องกำหนดช่วงเวลาการติดต่องาน
2. ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง
ไม่ว่าคุณจะเป็นฟรีแลนซ์ในสายไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน, นักออกแบบกราฟฟิค, โปรแกรมเมอร์ หรือในสายงานอื่น ๆ คุณจำเป็นต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ รวมไปถึงต้องศึกษาคู่แข่งในสายงานของคุณ ทั้งการลงเรียนคอร์สอบรมต่าง ๆ เข้าร่วมสัมนาที่เกี่ยวกับสายงานของคุณ เพราะการเข้าร่วมสัมมนาต่าง ๆ นั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณรู้เทรนด์ตลาด แต่ยังได้เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จในสายงานคุณอีกด้วย
3. สร้างบรรยากาศบ้านให้เป็นออฟฟิศ
อาชีพฟรีแลนซ์โดยส่วนมากแล้วนั้น จะทำงานที่บ้านเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่การอยู่ในบรรยากาศของที่ทำงาน จะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นฟรีแลนซ์ที่เป็นมืออาชีพ เขาจะสร้างบรรยากาศในบ้านให้เป็นเหมือนดั่งที่ทำงาน อะไรที่ไม่เกี่ยวกับทำงาน เช่น ทีวี เครื่องเล่นเกม โซฟา ควรวางไว้ที่ห้องอื่น เพราะคุณจะได้มีสมาธิที่จดจ่ออยู่กับงาน โดยปราศจากสิ่งรบกวน และสิ่งเร้าใจ
