Guestpost โฟสฟรี ถ้าคุณมีสาระดีๆ ที่นี่เราให้คุณได้แบ่งปัน

Notifications
Clear all

5 เหตุผล ทำไม "ลดน้ำหนัก" แต่ทำเท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลดสักที!

1 Posts
1 Users
0 Likes
194 Views
supachai
(@supachai)
Posts: 2477
Noble Member
Topic starter
 

ลดน้ำหนักแบบไหนดี,วิธีลดน้ำหนักแบบคนจน,ลดน้ําหนักเร่งด่วน 7 วัน

เคยกันหรือไม่คะ? ที่อยาก "ลดความอ้วน" แต่ทำเท่าไหร่ก็ไม่ลดสักที หรือลดแล้วก็ช้าเสียเหลือเกิน จะทำอย่างไรดี วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกันค่ะ

โดย นพ.ปราโมทย์ พัชรมณีปกรณ์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานไทรอยด์และต่อมไร้ท่อ ศูนย์เบาหวานไทรอยด์และต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า สำหรับอุปสรรคสำคัญ ที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ มีอยู่ด้วยกัน 5 ประเด็นก็คือคือ 

1.ขาดแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก

หมอได้ยินบ่อยว่า "ไม่รู้ว่าจะลดน้ำหนักไปทำไม?" เพราะเวลาเราทำอะไรยากๆแล้วสำเร็จเป็นเพราะเรามี Passion ยากแค่ไหนก็ทำได้ การลดน้ำหนักก็เช่นกัน ถ้าคุณมี Passion มากพอ รับรองว่าทำได้ ลองหาเหตุผลที่โดนใจสักข้อ เช่น ไม่อยากป่วยเป็นโรคจากความอ้วน อยากมีสุขภาพที่ดีขึ้น ต้องไม่หมด Passion 

2.เข้าใจผิดคิดว่ากินสิ่งนี้แล้วไม่อ้วน

ผลไม้ที่คนส่วนใหญ่คิดว่ากินเยอะแล้วไม่อ้วน ความจริงคือผลไม้มีน้ำตาลซึ่งให้พลังงานสูง แต่ขึ้นอยู่กับว่ากินมากแค่ไหน ยกตัวอย่าง ส้ม1 ลูก(ผลเท่าลูกเทนนิส) ให้พลังงานเท่ากับกินข้าวสวย 1 ทัพพี  ถ้าไม่กินข้าวเย็นแต่กินส้มไป 5 ลูกแทน ก็แปลว่าเรากินข้าวสวยไป 5 ทัพพี อาหารทอด อาหารผัดทุกชนิด อาหารจานเดียวต่างๆ มีน้ำมันที่ซ่อนอยู่ในอาหารกลุ่มนี้ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เช่น น้ำหวาน ชานม น้ำอัดลม  แต่อันที่จริงเคยคิดไหมว่า เราพังมาเท่าไหร่แล้วกับคำว่า "ไม่เป็นไรหรอกนิดเดียวไม่อ้วนหรอก" 

3.ขี้เกียจออกกำลังกาย

แม้จะคุมอาหารหรือกินน้อยแค่ไหน แต่ไม่ออกกำลังกายก็ทำให้การเผาผลาญไขมันได้น้อย การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การคุมอาหาร ลองเริ่มต้นครั้งละสั้นๆ 10-15 นาที แล้วค่อยเพิ่มเวลาขึ้นเรื่อยๆ จนถึงเป้าหมายที่วางไว้ หรือเลือกกิจกรรมที่เราชอบหรือเคยทำ เช่น ปั่นจักรยานอยู่กับที่แล้วเปิดดูซีรี่ย์ไปด้วยไม่นานก็ครบเวลาที่เราตั้งไว้แล้ว แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย 

4.เครียดมาก หาทางออกด้วยการกิน

เพราะอารมณ์มีอิทธิพลต่อการกิน เช่น ทำงานใช้สมองเหนื่อยเครียดมาก ต้องการผ่อนคลายด้วยการกินบิงซู เค้กชิ้นโต หรือไอติมสัก3-4 ลูก ซึ่งถ้าใช้การกินเป็นวิธีคลายเครียดแน่นอนเราจะกินมากกว่าปกติ กลับมาถามตัวเองสักนิดว่า มีวิธีคลายเครียดวิธีอื่นนอกจากการกินไหม เช่น ไปออกกำลังกายคลายเครียดแถมได้ลดน้ำหนัก หรือนั่งหายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกยาวๆ ช้าๆ ทำไปเรื่อยๆ 1 นาทีก็เห็นผล ถ้าทำต่อหลายๆ นาที หายเครียดชัวร์ และพึงระลึกเอาไว้เลยว่า "ถ้าเครียดไม่กิน ถ้าเครียดให้ออกกำลัง ถ้าเครียดให้หายใจลึกๆ" 

5.ลดน้ำหนักแบบตึงเกินไป จนเครียด ท้อ เลิกทำ

หลายคนลดน้ำหนักได้แล้วก็จริง แต่ทำได้ไม่นานก็เลิกทำเพราะอะไร ก็เพราะทำแล้วไม่มีความสุข เครียดกว่าเดิม ทำงานหรือเรียนก็เครียดอยู่แล้ว ยังจะต้องมาเครียดกับการคุมอาหารอีก การลดน้ำหนักให้สำเร็จอย่างยั่งยืนไม่ใช่การลดอย่างรวดเร็ว สิบกิโลในเวลาเดือนสองเดือนพอลดได้แล้วก็เลิกทำไป แต่สิ่งสำคัญคือความสุขในระหว่างที่ลดน้ำหนัก ถ้าบาลานซ์ได้ดีระหว่างความสุขจากกิน ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอกับน้ำหนักตัว เราจะประสบความสำเร็จในระยะยาว บางคนตั้งใจคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างดีแล้วแต่น้ำหนักลดน้อยหรือไม่ลดเพิ่ม ทำให้เสียกำลังใจ ท้อ เลิกทำ จุดนี้หมออยากให้กำลังใจว่าคนเรามีพันธุกรรมไม่เหมือนกัน การเผาพลาญไม่เท่ากัน แม้ว่าเราจะกินอาหารและออกกำลังกายเท่ากับเพื่อน แต่น้ำหนักเราอาจจะลดน้อยกว่าเพื่อนได้ ขอให้ทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป ให้ลดอย่างมีความสุข ถ้าไม่ลดเราไม่เลิก (แม้)ไม่ลด(แต่ก็)ไม่เลิก  

ปรับ 3 อ.เพื่อหยุด อ.อ้วน

นอกจากนี้ ยังไม่วิธีในการใช่ลดความอ้วนได้ หากลองทำตาม "ปรับ 3 อ.เพื่อหยุด อ.อ้วน" คือ

1. "อ. อาหาร"

ปรับลดพลังงานในอาหารลงเพียง 500 กิโลแคลอรี่ต่อวันทำได้ครบ 7 วัน น้ำหนักลดลงครึ่งกิโลกรัม

2. "อ.ออกกำลังกาย"

ปรับการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้นออกกำลังกายให้ได้ 150-300นาทีต่อสัปดาห์ ถ้าจะให้ดีควรออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน(Resistance exercise) 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ และ

3. "อ.อารมณ์"

ปรับอารมณ์ให้ไม่เครียดมีสติเวลากิน 

แต่ในหลายๆครั้งของ "การลดน้ำหนัก" เพียงลำพังไม่สำเร็จ เพราะขาดตัวช่วย อาจเข้ารับคำปรึกษาจาก "คุณหมอ(Endocrinologist)" เพื่อหาสาเหตุของภาวะอ้วนที่อาจแฝงอยู่ เช่น โรคไทรอยด์ต่ำ โรคฮอร์โมนคอร์ติซอลสูง ฯลฯ ประเมินและรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคอ้วน หรืออาจพิจารณายาช่วยลดน้ำหนักที่รับรองโดยอย.อย่างถูกต้องถ้ามีข้อบ่งชี้ และใช้ยาอย่างปลอดภัย 

พบกับ "นักกำหนดอาหาร(Dietitian)" จะช่วยประเมินอาหารที่เรากินว่ามากเกินไปหรือไม่ และกำหนดชนิด ปริมาณอาหารอย่างเหมาะสม หรือ "นักวิทยาศาสตร์การกีฬา(Sport scientist)" จะช่วยแนะนำการออกกำลังกายที่ถูกต้อง ทั้งชนิดการออกกำลังกาย ความหนักเบาที่เหมาะกับบุคคล รวมไปถึง "พยาบาลผู้ให้ความรู้(Obesity Co-ordinator)" เพื่อช่วยประเมินพฤติกรรมการกินอุปสรรคของการลดน้ำหนัก

ฉะนั้น การลดน้ำหนักคงไม่ใช่เรื่องของการลดเพื่อรูปลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่เป็น "การทำเพื่อตัวเอง" ให้ร่างกายแข็งแรง เพราะเรื่องของการดูแลสุขภาพนั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัวอย่างที่คิด ยิ่งสุขภาพดีแข็งแรงแล้ว ก็คงดีกว่าการเจ็บป่วยเป็นไหนๆ ใช่ไหมคะ?....

................................
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย "พรรณรวี พิศาภาคย์"
https://www.dailynews.co.th/article/829338

 
Posted : 06/03/2021 3:27 pm
Share: