หุ้นกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นหนุน SET INDEX ปิด +6.51 จุด

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

โบรกฯ ชี้แรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นดันหุ้นไทยปิดตลาด +6.51 จุด รับอานิสงส์ผลการประชุมโอเปกพลัส และจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ประเมินกรอบการลงทุนพรุ่งนี้ แนวรับที่ 1,650-1,658 จุด และแนวต้านที่ 1,680-1,685 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 5 มกราคม 2565 ปรับตัวขึ้นปิดตลาด +6.51 จุด หรือ +0.39% มูลค่าการซื้อขายกว่า 93,126.43 ล้านบาท โดยในระหว่างวันดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,677.95 จุด และ ปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,670.59 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 817 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 509 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลง จำนวน 832 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 3,261.07 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 506.17 ล้านบาท ในทางกลับกัน พบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -2,523.60 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -1,243.63 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,079.26 ล้านบาท ปิดที่ 146.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
2.EA มูลค่าการซื้อขาย 3,588.38 ล้านบาท ปิดที่ 99.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
3.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,215.05 ล้านบาท ปิดที่ 120.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
4.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,959.21 ล้านบาท ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
5.IVL มูลค่าการซื้อขาย 2,838.36 ล้านบาท ปิดที่ 45.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.AEONTS ปิดที่ 191.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 1.32%
2.IVL ปิดที่ 45.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 5.17%
3.TOP ปิดที่ 52.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 4.00%
4.EA ปิดที่ 99.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 2.06%
5.BLA ปิดที่ 38.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 2.67%

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 138.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 2.13%
2.ADVANC ปิดที่ 226.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 0.88%
3.CBG ปิดที่ 117.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 1.26%
4.INTUCH ปิดที่ 78.75 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.56%
5.CPN ปิดที่ 55.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 1.79%

ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,291.71 จุด เพิ่มขึ้น 8.15 จุด หรือ 0.36% ด้านดัชนี SET50 ปิดที่ 1,002.61 จุด เพิ่มขึ้น 3.15 จุด หรือ 0.32% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 617.90 จุด เพิ่มขึ้น 11.12 จุด หรือ 1.83%

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายวันนี้ยังคงแกว่งตัวกรอบแคบในแดนบวก หลังจากที่เมื่อวานนี้ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นไปมาก โดยวันนี้ได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นที่ปรับเพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นมา หลังผลประชุมโอเปกพลัส หนุนดัชนีสามารถยืนในบวกต่อได้ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาควันนี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

ขณะที่แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้คาดว่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์ หรือมีโอกาสย่อตัวลงมาได้เล็กน้อย จากแรงขายทำกำไรออกมา หลังจากที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปค่อนข้างมากตั้งแต่เปิดทำการในปีนี้มา อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในประเทศ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศกลับมาเร่งตัวขึ้น แต่มองว่าหากไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ออกมา ปัจจัยโควิด-19 จะไม่เป็นแรงกดดันต่อดัชนีหุ้นไทย โดยประเมินพร้อมให้แนวต้าน 1,680-1,685 จุด แนวรับ 1,650-1,658 จุด

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket