จากลูกจ้าง มาทำ “เกษตร” 7 เรื่องต้องรู้

คัมภีร์เศรษฐี 4.0

อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า การเป็นลูกจ้าในยุคปัจจุบันนี้ คงเป็นเรื่องลำบากทั้งทางกาย และทางใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลายคนจึงมีฝันที่จะหนีไปให้ไกล แต่มีสิ่งให้น่าสังเกตในยุคปัจจุบันนี้คือ ผู้คนอยากไปทำเกษตรกรรมกันเยอะมาก เริ่มตั้งแต่ช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้ ตามแผงหนังสือ จะถูกยึดครองไปด้วยหนังสือแนวเกษตรกรรมซะเป็นส่วนใหญ่ อาจบอกได้ว่า อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยก็ว่าได้

โดยในแต่ละเล่มนั้น มีเนื้อหาสร้างฝันเสียทั้งสิ้น เช่น พืชชนิดนั้นสร้างเงินล้าน พืชชนิดนี้สร้างเงินล้าน หรือมีพื้นที่เท่านั้นไร่ เท่านี้ไร่ สามารถทำเงินได้เป็นแสน เป็นต้น นี่เพียงแค่อ่านปกเท่านั้น ก็สามารถทำให้คุณตาลุกวาวได้เช่นกัน จากนั้นเริ่มมีคำถามกับตัวเองว่า นี่เรามานั่งทำงานอะไร ทำงานแทบตาย ถูกกดดันทุกทาง เพียงเพื่อแลกเงินเท่านี้หรือ

เมื่อคุณได้อ่านมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งหาว่า เราจะมาขัดคอคุณนะครับ เพราะเรามีข้อมูลจากผู้มีประสบการณ์มาแล้ว กับผู้ที่มีอาชีพเกษตรกรตัวจริง ที่ทำมาตั้งแต่เกิด และเกษตรกรในฝัน อย่างที่หลาย ๆ ท่านได้ฝันเอาไว้นั้น มีหลายอย่างที่น่าสนใจ อยากให้คุณได้ลองนำข้อมูลเหล่านี้ไปไคร่ครวญดูกันครับ

1. ทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เกษตรกรรม เป็นอาชีพที่เหนื่อย แม้จะเป็นสมาร์ตฟาร์มเมอร์ก็ตาม ทีมีเครื่องทุ่นแรงมาใช้อย่างมากมาย แต่ก็ยังไม่วายต้องเหนื่อยในช่วงเริ่มต้น

 

2. อย่าตามกระแส มีเกษตรกรรุ่นใหม่ท่านหนึ่ง ได้พูดให้ข้อคิดไว้อย่างน่าคิดคือ “อย่าไปหลงใหลได้ปลื้ม คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามหนังสือ เพราะหากปลูกได้เงินล้านจริง เขาคงไม่มานั่งเขียนหนังสือขายหรอก” แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า จะไม่มีโอกาสในการทำเงินล้าน แต่ยังมัปัจจัยอื่นที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่าที่อยู่ในหนังสือ

 

3. ความรู้ต้องมี ไม่ว่าคุณคิดจะปลูกอะไรก็แล้วแต่ ควรศึกษาหาความรู้ให้มากพอ ก่อนที่จะลงมือทำ อย่าได้ทดลองแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แบบไม่รู้อะไรเลย และความรู้ในที่ว่านี้ ไม่ใช่แค่เพียงทำความเข้าใจพืชนิดที่จะปลูกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเรื่องดิน ฟ้า อากาศอีกด้วย ทั้งวิธีการรับมือทั้งโรค และแมลง ล้วนแต่เป็นความรู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ไม่ควรจะปล่อยปะละเลย

 

4. มีพื้นที่เป็นของตัวเอง เพราะการที่คุณต้องไปเช่าพื้นที่คนอื่นนั้น อาจโดนค่าเช่าผลาญรายได้ของคุณทั้งหมดก็เป็นได้ แต่หากในบางรายใช้วิธีซื้อด้วยเงินที่เก็บหอบรอบริบมา แบบนี้ยังพอได้อยู่ ให้คิดเสียว่า เป็นการออมในรูปของอสังหาริมทรัพย์แทน เพราะหากเจ๊ง จะได้ไม่ต้องคิดมาก